รายละเอียดสเปค Mazda 2 ราคารถยนต์ใหม่

รายละเอียดสเปค Mazda 2 ราคารถยนต์ใหม่

เตรียมตัวให้ดี All New Mazda 2 จะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทยพร้อมสเปคและราคาอย่างเป็นทางการให้ผู้ที่รอคอยได้จับจองกันถึง 2 โฉมได้แก่ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู พร้อมเครื่องยนต์บล็อกใหม่คลีดีเซล Skyactiv-D 1.5L พร้อมสัมผัสจิตวิญญาณของงานออกแบบที่แสดงถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว “Kodo Design” และเทคโนโลยีพิเศษจัดเต็มเทียบเท่ามาตรฐานยุโรปด้วย

โดยในเวลานี้จะขอแยกส่วนระหว่างโฉม Mazda 2 ซีดานและรุ่นแฮทช์แบ็ค และขอเสนอโฉมแฮทช์แบ็คเป็นคันแรกที่ได้เปิดตัวในบางประเทศแล้ว และแน่นอน เมืองไทยก็พร้อมสัมผัสแล้วเช่นกัน

รายละเอียดสเปคย่อยและอุปกรณ์มาตรฐานของ Mazda 2 Hatchback  

Mazda 2 1.5 Skyactiv-D XD 

     – ไฟหน้า Halogen
     – ที่ปัดน้ำฝนหน้าแบบหน่วงเวลา
     – ที่ปัดน้ำฝนหลัง พร้อมหัวฉีดน้ำ
     – สปอยเลอร์หลัง
     – กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน
     – กระจกกรองแสงรอบคัน
     – กุญแจรีโมทและระบบเซ็นทรัลล็อก
     – ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
     – ภายในห้องโดยสารสีดำ
     – มือจับประตูด้านในสีเงิน
     – มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบดิจิตอล
     – จอแสดงข้อมูลสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและข้อมูลการขับขี่ MID
     – พวงมาลัยปรับได้  4 ทิศทาง
     – วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำ
     – ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
     – แผงควบคุมสวิตซ์เปิดปิดกระจกไฟฟ้าลายเคฟล่าร์
     – สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
     – แผงคอนโซลหน้าตกแต่งสีดำด้านและสีเงิน
     – เบาะผ้าสีดำและสีแดง
     – หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วย PVC ตกแต่งลายเคฟล่าร์
     – กระจกไฟฟ้าและระบบ Jam Protection ด้านคนขับ
     – วิทยุ FM/AM พร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 1 แผ่น
     – สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
     – ช่องเชื่อมต่อ AUX/USB 1 ช่อง
     – ลำโพง 4 ตัว
     – กุญแจ Immobilizer
     – ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
     – ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัว DSC
     – ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
     – ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัด HLA
     – เบรกหน้าแบบดิสก์ และเบรกหลัง แบบดรัม
     – ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD
     – ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS
     – ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า
     – ล้ออัลลอย 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15

Mazda 2 1.5 Skyactiv-D XD high (เพิ่มจากรุ่น XD)

     – กระจกมองข้างพับไฟฟ้า
     – กุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry
     – ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
     – วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำและสีแดง
     – แผงคอนโซลหน้าตกแต่งสีดำเงาและสีแดง
     – เบาะผ้าสีดำแต่งด้วยด้ายสีแดง
     – หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วย PVC ตกแต่งลายเคฟล่าร์และสีเงินวาว
     – ฐานเกียร์สีดำลายเคฟล่าร์
     – ฐานเกียร์สีดำ Piano Black
     – เบาะหลังแยกปรับและพับ 60 : 40
     – สัญญาณกันขโมย Burglar Alarm
     – เบรกหน้าแบบดิสก์ และเบรกหลัง แบบดิสก์

Mazda 2 1.5 Skyactiv-D XD high Plus+ (เพิ่มจากรุ่น XD High)

     – ไฟตัดหมอกคู่หน้า
     – กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ
     – ปลายท่อไอเสียโครเมียม
     – มือจับประตูด้านในสีเงินวาว
     – มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอนาล็อก
     – หน้าจอ Active Driving Display
     – วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์สีดำและสีเงินวาว
     – แผงคอนโซลหน้าตกแต่งหนังสีดำแต่งด้วยด้ายสีแดงและวัสดุสีเงินวาว
     – แผงข้างประตูหุ้มด้วยหนัง
     – เบาะหนังและผ้าสีดำแต่งด้วยด้ายคู่สีแดง
     – หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ตกแต่งลายเคฟล่าร์และสีเงินวาว
     – เบรกมือหุ้มหนัง
     – ไฟส่องสว่างห้องโดยสารตอนหน้าแยกซ้าย-ขวา
     – ไฟส่องสว่างห้องโดยสารตอนหลัง
     – หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
     – ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
     – ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ Bluetooth พร้อมสวิตซ์ที่พวงมาลัย
     – ระบบจดจำเสียง Voice Recognition
     – ช่องเชื่อมต่อ AUX/USB 2 ช่อง
     – ช่องใส่ SD Card สำหรับระบบนำทาง 
     – ลำโพง 6 ตัว
     – ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R16

ออพชั่นเสริมเฉพาะ Mazda 2 แฮทช์แบ็ค

     – เสาอากาศแบบติดหลังคา
     – แผ่นปิดห้องสัมภาระด้านท้าย

ภายนอก All New Mazda 2โฉมรถแฮทช์แบ็คขนาด B-Segment ที่ได้รูปลักษณ์จากออกแบบ Kodo Design ให้ความรู้สึกโฉบฉี่ยวทะยานได้นิ่มนวลกว่าใคร, สีตัวถังที่เผยในเวลานี้มีเพียง 2 สีเท่านั้น ก็คือแดงและน้ำเงิน แต่คาดว่าอาจมีสีให้เลือกเพิ่มอีกเช่นดำ สีเงินและขาวด้วย, กระจังหน้า 5 แฉกรูปลักษณ์ใหม่, ไฟหน้าหลอดฮาโลเจนและ LED Daylight และไฟท้าย LED, ไฟตักหมอกคู่หน้าสำหรับรุ่นท็อป และล้ออัลลอย 15-16 นิ้วตามรุ่น ส่วนลายล้อนั้นมาวัดดวงกันว่าจะได้ล้อแม็กซ์หรือล้อกระทะพร้อมฝาครอบจาก มาสด้า 2

ภายใน Mazda 2 ให้ความพิถีพิถันในการออกแบบภายในห้องโดยสารและที่นั่ง Mazda 2 เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศความพร้อมในการออกตัวให้ได้มากที่สุดจึงออกแบบให้ในส่วนทางเข้าข้างในรถที่ดูกว้างขึ้น เข้าออกได้ง่ายขึ้น, คอนโซลหน้ารถที่ออกแบบสไตล์รถสปอร์ตแต่ดูเรียบง่ายและกว้างขวาง, พื้นที่ของคนขับออกแบบให้มีความสมมาตรทุกด้านไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย หน้าปัดวัดระดับต่างๆ จอมอนิเตอร์ เป็นต้น, ช่องแอร์ด้านหน้า 3 ช่องวงกลมและ 1 ช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ระหว่างคอนโซลตรงกลาง

จอมัลติมีเดีย 7 นิ้วพร้อมระบบสั่งการบริเวณคอนโซกลางด้านข้างและพวงมาลัย ส่วนเบาะที่นั่งที่ทำรูปลักษณ์คล้ายกับรถสปอร์ด แต่ให้สัมผัสที่นั่งสบายยิ่งขึ้นทั้งผ้าและหนัง ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายนั้นสามารถพับเบาะหลังเพื่อขยายพื้นที่เก็บสัมภาระได้ กว้างพอที่จะเก็บจักรยานและสัมภาระสำหรับท่องเที่ยวนอกเมืองได้

เครื่องยนต์ Mazda 2

สำหรับเครื่องยนต์ของ All News Mazda 2 นั้นจะมีให้ทั้งเบนซินและดีเซล ขอประเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซล1.5 ลิตร SKYACTIV-D Turbo เสริมด้วยเทอร์โบแปรผันเดี่ยว และหัวฉีดหัวฉีดแบบโซลีนอยด์ ให้กำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1500-2500 รอบต่อนาทีสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีต กับแรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1400-3200 รอบต่อนาทีสำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6EC-AT และระบบขับเคลื่อน 2 แบบทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าและแบบขับเคลื่อน 4 ล้อควบคุมด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า

ทั้งนี้ด้วยเครื่องยนต์ Skyactiv สิธิบัตรเฉพาะจากมาสด้าที่จะช่วยควบคุมการจ่ายพลังงานและการควบคุมการปล่อยไปเสีย เช่น i-ELOOP เทคโนโลยีช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าของระบบต่าง ๆ แถมช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23 กม./ลิตร ค่าปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐานยูโร5

ระบบความปลอดภัย Mazda 2 มีระบบรักษาความปลอดภัยหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัดนิรภัย 5 ชุดทั้งหน้าหลัง, ถุงลมนิรภัย, ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ ESC, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, โครงสร้างนิรภัยแบบพิเศษ และอาจมีเพิ่มขึ้นในวันเปิดตัวที่จะถึงนี้

ราคา Mazda 2 Hatchback ทุกรุ่นในตลาดรถ

ราคา Mazda 2 เฉพาะ Hatchback นั้นได้มีการเผยราคาอย่างเป็นทางการแล้วตามประเภทรุ่นที่กำหนด (เฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D เท่านั้น)

ราคา Mazda 2 Hatchback รุ่น XD ราคา 675,000 บาท

ราคา Mazda 2 Hatchback รุ่น XD High ราคา 735,000 บาท

ราคา Mazda 2 Hatchback รุ่น XD High Plus+ ราคา 790,000 บาท

ข้อมูลและราคา BMW X1 ครอสโอเวอร์คอมแพ็คคาร์

ข้อมูลและราคา BMW X1 ครอสโอเวอร์คอมแพ็คคาร์

หลังจากที่ BMW ได้เผยโฉมภาพร่างของ BMW X1 รถครอสโอเวอร์คอมแพ็คคาร์แบบยกสูงสำหรับใช้งานทุกสภาพถนนในชื่อว่า BMW X1 และในเวลานี้ได้เผยโฉมตัวจริงของรถครอสโอเวอร์คอมแพ็คคาร์ตัวจริงทั้งภายนอกและภายในที่เรียกได้ว่าน่าจัดมาจำหน่ายในไทยอย่างมากเลยทีเดียว

สำหรับรายละเอียดของตัวรถนั้น BMW X1 ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบให้ดุดันยิ่งขึ้น โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์และหลอด LED Daylight ไฟตัดหมอกด้านล่าง ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ชุดแต่งภายนอกที่รองรับสำหรับการเดินทางนอกเมืองไกลๆ เช่นเพิ่มโป่งล้อใหม่ ราวแร๊คบนหลังคา สปอยเลอร์หลัง วัสดุยางกันประตูด้านนอก แผงดิฟฟิวเซอร์ท้ายรถ ฝาถังน้ำมันสีโลหะ สเกิร์ตรอบคันและล้ออัลลอย 16 นิ้ว

BMW X1 2021 ราคา

ราคา BMW X1 sDrive18d xLine ราคา 2,359,000.

ราคา BMW X1 sDrive20d M Sport ราคา 2,559,000.

**ราคา BMW X1 2021 ที่ปรากฎอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นโชว์รูมผู้จัดจำหน่าย โปรดสอบถามรายละเอียดที่โชว์รูมผู้จำหน่ายใกล้บ้านท่าน

** ราคาขายรวมกับ BSI STANDARD แพคเกจ การบริการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ด้านภายในที่อาจไม่ได้หรูหราแต่เน้นความสปอร์ตเร้าใจสำหรับวัยรุ่นเป็นหลัก โดย BMW X1 มีทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, แผงมาตรวัดพร้อมจอแสดงผลข้อมูลรถ, ระบบเครื่องเสียงแบบอนาล็อก กับลำโพง 8 จุด ระบบปรับอากาศที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ รวมไปถึงสีภายในห้องและเบาะนั่งนั้นจะเน้นสีเจ็บๆ โดนใจผู้ที่ไม่ยึดติดความหรูหรา ทั้งส้ม-ดำ และคราม-ดำ อ้อ ระบบเดินเครื่องนั้นใช้ระบบ  Keyless entry และ Push Start

ด้านเครื่องยนต์ยังไม่มีการเผยสมรรถนะ แต่คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรพ่วงด้วยระบบเทอร์โบ และจากภาพเผยถึงระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนกำหนดเปิดตัว BMW X1 อย่างเป็นทางการนั้นจะมีขึ้นเร็วๆ นี้

รถอเนกประสงค์ ระดับแนวหน้าของค่ายรถยนต์ BMW ที่มีประวัติอันยาวนานพร้อมกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม และดูเหมือนว่าในประเทศไทยที่ได้เคยสัมผัส BMW X1 มาก่อนจะได้กลับมาให้หายคิดถึงกันแล้ว และอาจได้ใช้สเปคเกาหลีแทนสเปคอเมริกาด้วย (เปลี่ยนแค่ตำแหน่งพวงมาลัยจากซ้ายไปขวาเท่านั้น)

ด้านข้อมูล BMW X1 ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานที่ประเทศเกาหลีเป็นรถซีดานขนาดกลางโดยได้ยกระดับให้มีความสปอร์ตมากขึ้น โดยใช้เส้นสายจากความโดดเด่น ที่ให้ความสปอร์ตจากหน้าจรดหลังและออกแบบให้รองรับการรีดอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้ดี

ภายในห้องโดยสารของ BMW X1 ที่ได้ออกแบบให้มีความสปอร์ต นั่งสบายและเสริมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มความล้ำสมัยเทียบเท่ากับรถจากยุโรป รวมไปถึงในแต่ละรุ่นย่อยนั้นก็ได้ออกแบบห้องโดยสารที่หลากหลายตามต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งห้องโดยสารลายไม้ที่หรูหราหรือเบาะหนังสีดำเย็บด้ายสีส้มดึงความสปอร์ตในตัวคุณ

ด้านระบบขับเคลื่อนก็มีให้เลือกในแต่ละรุ่น อาทิ BMW X1 เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 180 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดถึง 13.4 กม./ลิตร นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ U2 Turbo Diesel ขนาด 1.7 ลิตร 141 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตัน-เมตร บริโภคเชื้อเพลิงที่น้อยเพียง 16.8กม./ลิตร เป็นต้น และเสริมด้วยระบบเกียร์คลัทช์คู่ DCT 7 สปีด รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย ส่วนระบบความปลอดภัยก็จัดระบบใหม่ล้ำสมัยมากมาย

งานนี้ก็รอดูว่า BMW X1 จะเข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ หากมีอะไรคืบหน้า ทางทีมงาน   จะมานำเสนอให้ทราบกันในโอกาสต่อไป

BMW ประเทศไทย จัดแคมเปญสุดพิเศษพร้อมให้ผู้ร่วมงาน ได้จับจองสุดยอดยนตกรรมจากเกาหลีใต้ BMW X1 Sport Festival ที่ให้ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัส ทดลองขับและจับจองพร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ดังนี้

  • ดอกเบี้ย0% ผ่อนนาน 48 เดือน*
  • ฟรีประกันภัยชั้น 1**
  • ฟรี iPhone 6 Plus 64 GB***

              BMW X1 Festival จะจัดให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสในวันและสถานที่ดังนี้

  • 19-24 มิ.ย. ที่เซ็นทรัล พระราม9
  • 1-5 ก.ค. 2558 ที่งาน Fast Auto Show ไบเทค บางนา

เงื่อนไข

  • เมื่อจองและรับรถยนต์ BMW X1  ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม เท่านั้น
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • *อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือนโดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กำหนดเท่านั้น
  • **ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี โดยบริษัท โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท วิริยะ ประกันภัย จำกัด เท่านั้น
  • ***iPhone 6 Plus หน่วยความจำ 64GB มูลค่า 33,400 บาท หรือสามารถเลือกเป็นส่วนลดเฉพาะสำหรับผู้ซื้อ BMW X1 เท่านั้น

BMW ค่ายรถยนต์จากเกาหลีเตรียมพัฒนาระบบแสดงผลข้อมูลบนกระจกรถหรือ Head-up Display แบบไม่ต้องใช้เครื่องฉายบนกระจกหน้าเหมือนเมื่อก่อน แต่จะสามารถแสดงผลบนกระจกรถได้ 100% 

เนื่องในงานแสดงเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผ่านมา BMW ได้ขนเทคโนโลยี ที่แสดงผลบนกระจกหน้ารถ ซึ่งจะระบุความเร็วรถ, สถานะของตัวรถต่างๆ ที่ไม่ต่างจากระบบที่มีในตัวเครื่องฉายปัจจุบัน แต่สิ่งที่เพิ่มมานั้นไม่ว่าจะเป็น การแสดงตำแหน่งเส้นทางที่ต้องการไป ระยะห่างจากที่หมาย รวมไปถึงการแจ้งเตือนวัตถุที่อยู่ตรงหน้าหรือวัตถุที่กำลังจะตัดหน้ารถได้ด้วย

โดยเจ้าระบบที่แสดงในงานนี้ได้นำ BMW X1 แบบพ่วงกับจอมอนิเตอร์ด้านหน้ามาจัดแสดงภายในงานให้ผู้ที่สนใจได้ทดลองใช้งานจริง ทั้งนี้ระบบแสดงผลในจอกระจกหน้ารถของฮุนไดยังต้องพัฒนาต่อยอดอีกระดับหนึ่ง คาดว่าจะสามารถนำไปใช้งานได้จริงอีกราวๆ 2021 เป็นต้นไป หากระบบนี้ออกสู่ท้องตลาดและประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ ระบบนำทางในจออินโฟเทนเมนต์ BMW X1 คงตกรุ่นไปเลย 

รุ่นและราคา MSX 125 SF แนวสตรีท

มอเตอร์ไซค์แนวสตรีท 2016 MSX 125 SF ราคาเริ่มต้นที่ 73,000-75000.

มินิไบค์จากค่ายปีนก 125 ซีซีแนวสตรีทกลับมาอีกครั้ง พร้อมรูปโฉมใหม่และราคา MSX 125 SF เปิดตัวที่ 73,000 บาท ใครที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์แนวนี้อยู่แล้ว ก็สามารถสัมผัสความดุดันและความสวยงามของ MINI ไบค์ตัวใหม่รุ่นนี้กันได้แล้ววันนี้ที่ดีลเลอร์ทั่วประเทศไทย เห็นตัวจริงแล้วรับรองว่าจะโดนใจมากกว่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือต้องควักกระเป๋าซื้อแน่นอน

หลังจากที่กระแสตอบรับของ MINIBIKE รุ่นนี้ มีกระแสการตอบรับที่ดีมากๆ ก็ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกๆปี ไม่ว่าจะออกมากี่เวอร์ชั่น ก็ยังคงสร้างยอดขายทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาจะไม่ได้แตกต่างกันมากนักคือ 7-8 หมื่นโดยประมาณ ในปีนี้ราคาเอ็มเอสเอ็กซ์ 125 เอสเอฟ ก็ยังไม่แพงมากเกินไป เมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์ 125 ซีซีจากค่ายต่างๆ และความน่าเชื่อถือในแบรนด์ของฮอนด้าด้วยแล้วทำให้กระแสตอบรับยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญในโมเดลใหม่ปี 2016 ก็คือความสปอร์ตที่มากขึ้นกว่าเดิม คอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนมากกว่าเดิม ความทันสมัย ความแปลกใหม่ ที่ฉีกกฎมินิไบค์แบบเดิมพัน กลายเป็นมินิไบค์สายพันธุ์ใหม่ในวงการตลาดรถไทย ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ได้ดีในทุกการใช้งาน ซึ่งมันไม่ได้รองรับแค่วัยรุ่น ไม่ได้รองรับเฉพาะแค่เพศไหนเพศหนึ่ง แต่ว่ามันรองรับการใช้งานสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าใครๆก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ เลยเป็นจุดเด่นของสตรีทไซส์มินิคันนี้นั่นเอง

สำหรับบางคนที่บอกว่าราคา MSX 125 SF มันแพงจัง ทำไมต้องตั้งราคา 7 หมื่นกว่าบาท ซึ่งบอกได้เลยว่า หากเอาความเป็นฟูลออพชั่นของทางค่ายฮอนด้าไปเทียบกับค่ายอื่นๆแล้วเรียกว่าเหนือกว่าอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแอลอีดีอย่างดี เทคโนโลยีบลูไลน์สุดไฮเทค, ท่อไอเสียแนวเน็คเก็ตไบค์, หน้าปัดดิจิตอลพร้อมจอสีฟ้าและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน, ไนฟ์คีย์แนวใหม่พกพาง่ายกว่าเดิม, ที่สำคัญ ความหรูหราและความเท่ของมัน เฉียบคมและกินขาดอย่างแน่นอน พร้อมสะท้อนความเป็นอเนกประสงค์ในการใช้งานได้มากกว่าการขับขี่

สำหรับการวางจำหน่ายสตรีทไบค์ไซส์เล็กรุ่นนี้ ก็จะเริ่มวางขายที่ดีลเลอร์ฮอนด้าทั่วประเทศไทย ซึ่งจะมีสีภายนอกให้เลือกสี่สีคือสีแดงเบิร์นนิ่งเร้ด, สีเหลืองไฮเปอร์เยลโลว์, สีขาวบูสเตอร์ไวท์, และสีดำอิคลิปส์แบล็ค แต่ละสีก็สวยงามไม่แพ้กัน เรียกว่าเท่แบบสเปเชียลทุกเฉดสี ดีไซน์ก็ล้ำแบบนี้เมื่อเอามาพวกลบคูณหารแล้วคุ้มค่ากับราคาเอ็มเอสเอ็กซ์ 125 เอสเอฟ ที่ออกมาวางขายในปีนี้แน่ๆ

อ่านสเปคข้อมูลต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ th-bigbike

 

 

 

Yamaha Nouvo SX สกูตเตอร์อัจฉริยะ

Yamaha Nouvo SX สกูตเตอร์อัจฉริยะ

สกูตเตอร์อัจฉริยะ ที่เน้นความเรียบและไฮเทค สเปคแรงเป็นหลัก Yamaha Nouvo SX อัจฉริยะยิ่งกว่าด้วยดีไซน์สุดล้ำ แบบเต็มสมรรถนะแบบสุดยอด พร้อมตอบสนองความโดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงพลัง เท่ด้วยเฟรมสไตล์ใหม่ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง หรูหรามีสไตลืด้วยสัญลักษณ์ยามาฮ่า หรูสุดๆ ด้วยการฉีกกฏเกณฑ์ความเท่อย่างเด่นชัด พร้อมไฟท้ายที่สวยงาม เมื่อคันหลังได้เห็นจะค้นพบว่าคุณคือผู้นำที่แท้จริง

Yamaha Nouvo SX สกูตเตอร์อัจฉริยะ

สะกดทุกสายตาด้วยมาตรวัดความเร็วทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล พร้อมความสปอร์ตที๋โดดเด่น ที่สามารถบอกระยะทางที่ใช้ในการเดินทางแต่ละครั้งได้ บอกระยะทางทั้งหมดตั้งแต่เริ่มใช้ได้ พร้อมทั้งบอกอัตราการใช้น้ำมัน และอุณหภูมิเครื่องยนต์ ไปจนถึงสัญญาณไฟต่างๆ ครบทุกฟังก์ชั่น ภายใต้เบาะนั่ง มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ สามารถเก็บหมวกกันน็อกแบบเต็มใบได้ แถมยังเหลือพื้นที่ในการวางอย่างอื่นอีก ยามาฮ่า นูโว เอสเอ็กซ์  จัดเต็มความแรงแบบสปอร์ตด้วยความอัจฉริยะที่หลากหลาย ท้าทายทุกการค้นหาร ด้วยความน่าค้นหาที่มาผสานกันจนออกมาเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ

Yamaha Nouvo SX ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 124 ซีซี. มีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 10.9 : 1 ซึ่งมีระยะการชักที่ 52.4 x 57.9 มม. และยังใช้หัวเทียนแบบ NGK / CR7E ส่งต่อพลังการทำงานด้วย หัวฉีดอัจริยะ YMJET-FI  รองรับเชื้อเพลิง น้ำมันแก๊สโซฮออล์, E20 หรือเบนซิน ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป โดยสามารถจุได้ 4.3 ลิตร พร้อมระบบจุดระเบิดแบบ T.C.I.  ใช้ระบบคลัตช์แห้ง ชนิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางอัตโนมัติ พร้อมระบบสตาร์ท สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า และสตาร์ทเท้า

ใช้ระบบส่งกำลังขับ แบบออโตเมติก แบบสายพานตัววี ( V – Belt ) โดยมีอัตราทดเกียร์อยู่ที่ 2.336-0.856 : 1 ซึ่งให้อัตราทดเฟืองท้ายที่ 10.063 (42/16 x 46/12) สะดุดตาด้วยเฟรมเหล็กกล้าอันเดอร์โบน เบาะนั่งมีความสูงจากพื้นถึงเบาะ 776 มม. มีระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง 130 มม. มีช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ 1,290 มม. แลละให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดที่ 1,938 มม. เท่านั้ น ปลอดภัยทุกการเดินทางด้วยเทเลสโกปิก และยูนิตสวิงอาร์ม สำหรับระบบกันสะเทือนที่เต็มมาตรฐาน

ใหม่ Ducati Monster 795 เริ่มต้นความมันส์อย่างง่ายๆ

ใหม่ Ducati Monster 795 เริ่มต้นความมันส์นี้อย่างง่ายๆ

Ducati Monster 795

Ducati ที่ได้ชื่อว่าเป็นเฟอร์รารี่สองล้อ ได้เปิดตัว Ducati Monster 795 สำหรับตลาดไซส์เอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งผลิตในโรงงานที่ประเทศไทย แต่มาตรฐานเดียวกับโรงงานในอิตาลี ส่วนราคา Ducati Monster ราคา3.9 แสนบาท และสุดหล่อตัวสี มีให้เลือกถึงสองสีด้วยกันคือ สีดำ (Black) และ สีแดง (red) หากชอบความเข้ม ดุดันก็ต้องดำ หากรักสีสัน และความโดดเด่นก็ต้องสีแดง

มอนสเตอร์ที่ใครๆก็หลงรัก Ducati Monster 795 ด้วยการออกแบบให้มีความเท่ บึกบึนและมีสไตล์อย่างเห็นได้ชัด ด้วยโครงสร้างทีบ่งบอกความเป็นดูคาติอย่างเป็นเอกลักษณ์ ประจักษ์ให้ทั่วโลกได้รู้ว่านี่แหละคือมอนสเตอร์แห่งท้องถนนโดยแน่แท้ แกร่งเต็มสไตล์ด้วยเส้นสายแห่งความสปอร์ต ที่สอดคล้องกับความเป็น Naked bike อย่างลงตัว ซ่าเต็มความแรง แซงทุกคันด้วยเครื่องยนต์ขนาด 803.00 ccm (49.00 cubic inches) แบบ V2, สี่จังหวะ ให้กำลังสูงสุดได้ถึง 85.83 แรงม้า (62.6 กิโลวัตต์) ที่ 8250 รอบต่อนาที

และยังมีแรงบิดอยู่ที่ 78.00 นิวตั้นเมตร (8.0 kgf-m or 57.5 ft.lbs) ที่ 8000 รอบต่นาทีอีกด้วย โดยมีอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 11.0:1 พร้อมความยาวและระยะการชักกระบอกสูบอยู่ที่ 88.0 x 66.0 มม. (3.5 x 2.6 นิ้ว) พร้อมจ่ายเชื้อเพลิงอย่างวส่องไว ด้วยควาเมร็วจาก ระบบเชื้อเพลิง Injection. Siemens electronic fuel injection, 45มม. throttle body พร้อมสเต็ปเปอร์มอเตอร์ ซึ่งได้คอนโทรลน้ำมันด้วย เดสโมโดรมิค วาล์ว คอนโทรล (Desmodromic valve control) นั่นเอง ทำให้มีแรงบิดที่ดีทั้งรอบต่ำและรอบสูง

โดดเด่นด้วยระบบการระบายอากาศด้วยอากาศ ทำให้เครื่องยนต์นั่นมีการถ่ายเทอากาศได้ดี และยังให้คุณขับขี่ได้นานกว่า แบบไม่ต้องพักเครื่องยนต์ให้เสียอารมณ์นักบิด Ducati Monster 795 พิชิตทุกเส้นทางด้วยความมันส์ที่พร้อมตอบสนองคุณในรูปแบบของระบบเกียร์ หกสปีด และ Transmission type แบบ final drive Chain จัดเต็มระบบคลัทช์เพื่อคุณโดยเฉพาะ ด้วยคลัทช์แบบ APTC wet multiplate พร้อมควบคุมด้วยระบบไฮโดรลิค

เก๋ไกด้วย Driveline แบบ Front sprocket 15 Rear sprocket 39 และ Primary drive แบบ Straight cut gears ในอัตรา 1.85 การันตีความประหยัด และลดมลพิษได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย มาตรฐานไอเสีย Euro 3 ทำให้เจ้ามอนสเตอร์คันนี้มีความเป็น BIGBIKE ที่รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถปล่อยมลพิษต่ำ ไม่ทำให้บรรยากาศเสีย นอกจากนี้ยังมาพร้อมนวัตกรรมพิเศษจาก เทคโนโลยี Lightweight 2-1-2 system พร้อม catalytic converter และ twin lambda probes อีกด้วย

ในส่วนของภายนอก Ducati Monster 795 เราจะเห็นได้ว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของเฟรมค่อนข้างมาก ซึ่งเจ้าเนคเกตไบค์คันนี้ได้ใช้เฟรมแบบ Tubular chrome moly steel trellis, casted aluminium subframe เท่ยิ่งกว่าด้วยโช๊คหน้าแบบหัวกลับขนาด 43มม. upside-down forks โดยด้านหลังนั้นจะใช้โช๊คแบบ Double sides swingarm เทน เพื่อช่วยในเรื่องของความนุ่มนวลและการทรงตัวที่ดี ลงมาในส่วนของยางรถ มีการใช้ยางหน้าแบบ 120/60-ZR17 ทำให้การวิ่งนั้นพริ้วและสวยงาม ในส่วนของยางหลัง จะมีหน้าที่ใหญ่กว่าทำให้สามารถรองรับน้ำหนัก และมีความหนึบในการยึดเกาะถนนได้ค่อนข้างดี ซึ่งมีการปรับมาใช้แบบ 160/60-ZR17 ซี่งเป็นขนาด 17นิ้วทั้งหน้าและหลัง

เตะตาสุดๆ ด้วยจานดิสก์เบรคหน้าขนาดใหญ่ เพิ่มความเท่ให้วงล้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีการใช้จานดิสก์หน้าแบบดับเบิ้ลดิสก์ (Double disc. Four-piston calipers.) ซึ่งมีขนาด 320 มม. (12.6 นิ้ว) ในส่วนของเบรคหลังนั้นก็ได้ใช้แบบ ดิสก์เดียว (Single disc. Two-piston calipers. ) ขนาด 245 มม. (9.6 นิ้ว)

มีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 167.0 กิโลกรัม (368.2 ปอนด์) ซึ่งเป็นน้ำหนักแห้ง ที่ยังไม่รวมน้ำมัน แต่ถ้าหากรวมน้ำมันแล้ว จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 187.0 กิโลกรัม (412.3 ปอนด์) นั่นเอง และด้าน ด้าน Power/weight ratio นั่นอยู่ที่ 0.5140 HP/กิโลกรัม ถัดมาที่ส่วนของเบาะนั่ง มีการออกแบบมาให้มีความต่ำที่สุดที่ 770 มม. (30.3 นิ้ว) ทำให้มีความคล่องตัว เวลาขึ้นลงค่อนข้างมาก และยังสามารถเหยีบพื้นได้อย่างเต็มเท้า ทำให้คุณมีความมั่นใจในการควบคุมน้ำหนักมอเตอร์ไซค์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ Ducati Monster 795 ได้ออกแบบให้มีระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,450 มม. (57.1 นิ้ว) และที่สำคัญ ที่หลายๆคนอยากรู้อีกอย่างก็คือ ถังน้ำมันมีความจุเท่าใด เจ้ามอนสเตอร์คันนี้สามารถจุด้ถึง 15.00 ลิตร (3.96 แกลลอน) ให้คุณเริ่มต้นความมันส์นี้อย่างง่ายๆ เพรียงสตาร์ทด้วยระบบสตาร์ทแบบ Electric แค่สัมผัสก็พร้อมเปิดประสบการณ์ความมันส์ได้ทันที

10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015

BMW-S-1000-R-13
10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015

วันนี้เราจะมาดูบิ๊กไบค์ที่ได้รับความนิยมและมอเตอร์ไซค์ที่เรียกว่าได้รับความสนใจมากที่สุด ด้วยราคา ดีไซน์ และเครื่องยนต์ ที่ผสมผสานแล้วลงตัวออกมาอย่างน่าประทับใจ มี 10รุ่นด้วยกันที่เราจะนำมาเสนอให้ทุกคนได้รู้ว่า เป็นบิ๊กไบค์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องต่างๆ และน่าซื้อมากๆที่สุดในตอนนี้ เผื่อบางคนยังไม่แน่ใจ ว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นไหนดี วันนี้เราเลยจะมาเปรียบเทียบให้ทราบกันนะครับ ว่ามีรุ่นใดบ้างที่น่าซื้อ น่าเป็นเจ้าของ เรียกว่ารวบรวมบิ๊กไบค์หลากหลายสัญชาติเข้ามารวมกันไว้ที่นี่แล้ว กับ 10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยม ที่คุณจะต้องรีบระดมพลไปสัมผัสของจริง

รับรองเลยครับว่าแต่ละคัน ที่เราจะนำมาให้ดูต่อไปนี้ฟินแน่นอน สะท้อนทุกไลฟ์สไตล์ของคุณได้แน่ๆ ใครที่เป็นสิงห์นักบิดสายพันธุ์แท้ หรือผู้ที่กำลังจะเข้ามาเป็นสิงห์นักบิด ก็เตรียมมาพบกับคู่ใจสองล้อที่จะพลิกชีวิตของคุณให้มีสีสันกันเถอะครับ กับบิ๊กไบค์ 10คันต่อไปนี้ ที่พร้อมสร้างอิสระและสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ให้คุณ

10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015

อันดับ 10 Ducati Monster S2R (ดูคาติ มอนสเตอร์ เอส2อาร์) เน็คเก็ตไบค์ขนาดกลาง  ที่มาพร้อมสีพิเศษ ด้วยสีขาว คาดสีแดง และล้อแม็กซ์สีแดงลายพิเศษ สามารถเป็นตัวเลือกให้คนที่ต้องการพาหนะคู่ใจคันใหม่ และนี่แหละครับความโฉบเฉี่ยวสไตล์อิตาลี ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 803 ซีซี แอลทวิน 87แรงม้า 78นิวตั้นเมตร โดยมีราคาการวางจำหน่ายอยู่ที่ 459,900 บาทเท่านั้น เป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว ไม่แพงมากเกินไป สำหรับบิ๊กไบค์รุ่นนี้จากดูคาติ

อันดับ 9 Triumph Street Triple R (ไทรอัมพ์ ทริปเปิ้ล อาร์ ) เน็คเก็ตไบค์ไซส์กลาง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สุดแกร่งขนาดกลาง พร้อมดีไซน์ที่เหนือชั้นและการออกแบบสุดสปอร์ต แรงโดนใจด้วยขุมพลังแบบ 675cc พร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลว ช่วงล่างแข็งแรงและทนทาน มีระบบคามปลอดภัยระดับสากลอย่างระบบเบรคเอบีเอส ภายนอกมีให้เลือกถึงสามสีด้วยกันคือ สีขาว เทา และดำ เรียกว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่สวยงามมากๆ ราคาของมันอยู่ที่ 460,000 บาทเท่านั้นครับ อาจจะดูแพงแต่ว่าความแรงเกินประสิทธิภาพครับ

อันดับ 8 YAMAHA YZF-R15 (ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-15)  บิ๊กไบค์ขนาดเล็กที่มาพร้อมความดุดันและความเร้าใจ สปอร์ตเหนือชั้น ด้วยการดีไซน์สุดสง่างาม ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหรือมาตราวัดความเร็วก็ออกแบบมาอย่างเป็นเอกลักษณ์ สำหรับบิ๊กไบค์แดนญี่ปุ่นคันนี้ ใช้ขุมพลังขนาดเล็ก 150 ซีซี ลูกสูบเดี่ยว ส่งจังหวะด้วยระบบเกียร์ 6สปีด มีความสูงของเบาะนั่งที่ 800 มม. เท่านั้น เป็นบิ๊กไบค์ที่เป็นมิตรกับมือใหม่มากๆ ทั้งราคาและดีไซน์ เพราะว่ามีราคาอยู่ที่ 85,000 บาทเท่านั้น โดนใจสุดๆ

อันดับ 7 Suzuki Gladius 650 ( ซูซุกิ กลาดิอัส 650 ) เน็คเก็ตไบค์สไตล์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมดีไซน์สุดไฮคลาส พรีเมี่ยมทุกตารางนิ้ว พริ้วไหวทุกการขับขี่ ดูดีทะลุมิติ ฟิตเต็มประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์ V-Twin DOHC ขนาด 645 ซีซี พร้อม ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ภานอกมีหายเฉดสีให้เลือกเช่น สีเทาดำ, สีน้ำเงินขาว, และสีดำ สำหรับราคาของบิ๊กไบค์รุ่นกลางจากซูซุกิรุ่นนี้อยู่ที่ 319,000 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างถูกทีเดียวหากเทียบกับบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ

อันดับ 6 Honda MSX (ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์) สตรีทไบค์พันธุ์ซ่า ที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองได้อย่างยอดเยี่ยม มาพร้อมความเหนือชั้นและความแม่นยำในการทำงานอย่างลงตัว อีกทั้งดีไซน์และเครื่องยนต์ ระบบต่างๆ ความแข็งแรงและความปลอดภัยก็มีประสิทธิภาพ แรงด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะ 124.9ซีซี  ส่งกำลังผ่านเกียร์ 4สปีด ใช้ระบบดิสก์เบรคและล้อขนาด 12นิ้วเพิ่มความพลิ้วไหวในการขับขี่ได้อย่างคล่องตัวเลยทีเดียว สำหรับราคานั้นก็มีหลายราคา แต่ที่แน่ๆนะครับ อยู่ที่ประมาณ 67,000 – 80,000 บาท แล้วแต่รุ่นแล้วแต่ระบบการทำงาน แต่ว่าโดนใจวัยรุ่นไทยมากๆเลยครับ

อันดับ 5 Kawasaki Ksr (คาวาซากิ เคเอสอาร์) มินิซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ ที่มาพร้อมความเฉียบคมและความสปอร์ตรอบคัน โดดเด่นด้วยการเกาะถนนดีเยี่ยม อีกทั้งให้สมรรถนะในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ เร้าใจด้วยเครื่องยนต์ 111 ซีซี  4speed ใช้ระบบดิสก์เบรค ทั้งหน้าและหลัง ภายนอกมี 4เฉดสีให้เลือกคือ ดำ ส้ม ขาว และเขียว ราคาของมินิไบค์รุ่นนี้อยู่ที่ 62,500-64,900 บาทครับ

อันดับ 4 KTM 1190 RC8 R (เคทีเอ็ม 1190 อาร์ซี8 อาร์) ตกเป็นของสปอร์ตไบค์รุ่นใหญ่จากเคทีเอ็ม เรียกว่าเป็นสปอร์ตไบค์ที่เพอร์เฟคท์ที่สุดเลยก็ว่าได้ มาพร้อมเครื่องยนต์สองกระบอกสูบ 1,195ซีซี มีน้ำหนักเพียง 184 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่ลู่ลม เฉียบคมมากๆ สวยแบบไร้ที่ติจริงๆครับ ส่วนราคาของมันค่อนข้างสูงแต่หากเทียบกับประสิทธิภาพ ราคา 1,299,900 บาท ก็ดูคุ้มค่ามากๆ ทั้งเครื่องยนต์และการออกแบบ โดดเด่นไร้คำบรรยายจริงๆ

อันดับที่ 3 Benelli TNT899 (เบเนลลี่ ทีเอ็นที899) เน็คเก็ตไบค์ขนาดกลาง ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์และเครื่องยนต์สี่จังหวะ 3กระบอกสูบ ขนาด 898ซีซีคันนี้ สวยงาม และมีเส้นสายของความปราดเปรียวอย่างเห็นได้ชัด ทุกสัดส่วนดูสปอร์ตมากๆ แถมพละกำลังยังมากมายเหลือล้นจริงๆ บิ๊กไบค์ไซส์กลางรุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ 569,000 บาทเท่านั้น เป็นราคาที่ไม่แพงเลยครับ หากเทียบกับแบรนด์ยุโรปอย่างเบเนลลี่ เรียกว่าดูดีมีสไตล์จริงๆ ใครได้เป็นเจ้าของนี่เท่มากๆ

อันดับ 2 BMW R 1200 RS (บีเอ็มดับเบิ้ลยู อาร์ 1200 อาร์เอส) สปอร์ตไบค์รุ่นใหญ่ สเต็ปเทพ เซฟทุกการเดินทาง แรงทุกสภาพถนน พร้อมผจญภัยอย่างเหนือชั้น ขับขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 1,170 cc เป็นสปอร์ตไบค์ที่สามารถสร้างกำลังได้ที่ 200กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียวถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ช่วงล่างก็แกร่ง หนึบ ยึดเกาะท้องถนนได้เป็นอย่างดี มีระบบเบรคเอบีเอสพร้อม ราคาของสองล้อสัญชาติเยอรมันรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ $14,950 เป็นบิ๊กไบค์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากๆ แม้ว่าราคาจะสูงแต่เทคโนโลยีมากมายแน่นอน

อันดับ 1 Aprilia RSV4 RR (เอพริลเลีย อาร์เอสวี 4 อาร์อาร์) สปอร์ตไบคื 65 ดีกรี ที่สามารถสร้างแรงบิดได้ 117นิวตั้นเมตร  มาพร้อมเครื่องยนต์ 999.6 cc ไม่ใหญ่เกินไป เร้าใจด้วย 184แรงม้า ดีไซน์ภายนอกทันสมัย โมเดิร์น มีความเป็นสปอร์ตอย่างสวยงามอลังการทุกสัดส่วน สำหรับราคาขอองบิ๊กไบค์ไบค์รุ่นนี้ อยู่ที่ประมาณ $14,999 เป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว สำหรับแบรนด์อิตาลีแบรนด์นี้ ที่สร้างความน่าประทับใจได้อย่างน่าเชื่อถือ ต้องยกนิ้วให้เลยครับ

เป็นยังไงกันบ้าง มีรุ่นไหนถูกใจกันบ้างรึเปล่ากับ 10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015 เชื่อว่าต้องมีสักคันที่คุณอยากเป็นเจ้าของ