เฉดสีและราคา Ducati Monster 1200 ปีศาจตัวร้าย

เฉดสีและราคา Ducati Monster 1200 ปีศาจตัวร้าย

Ducati Monster 1200-9

ปีศาจทางเรียบ Ducati Monster 1200 (ดูคาติ มอนสเตอร์ 1200) ที่พร้อมเผยความแรงให้คุณได้ขับขี่อย่างสนุกสนาน ยนตกรรมบิ๊กไบค์จากค่ายยักใหญ่แดนมะกะโรนี่อย่าง อย่างดูคาติได้ส่ง Ducati Monster 1200 มาประชันความเท่บนท้องถนนในสไตล์สตรีทอย่างหล่อล่ำ โดดเด่นมีสไตล์ด้วยความดิบที่ดุดัน ขับขี่มันส์สนองความแรงได้เต็มพิกัด ด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูง พร้อมระบบการกับงานที่ยอดเยี่ยม เปี่ยมพลัง สามารถตอบสนองคนรักบิ๊กไบค์ได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณได้สัมผัส คุณจะหลงรักอย่างเต็มหัวใจ เนื่องจาก ไซส์ที่ได้มาตรฐาน และการออกแบบที่มีสไตล์ ผสานแนวคิดของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมิติรอบคัน ที่มีการจัดวางทุกตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ความเท่ของปีศาจทางเรียบคันนี้อยู่ที่ดีไซน์ และการออกแบบ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งได้มีการผสมผสานความสปอร์ตและความเรียบง่ายเข้าไว้ด้วยกัน จนเกิดออกมาเป็นพลังการขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบ แต่ Ducati Monster 1200 สองล้อสุดแกร่งคันนี้ก็มีข้อด้วยในเรื่องของเฉดสีตามเคย เพราะว่าสำหรับบิ๊กไบค์คันนี้มีสีเดียวเท่านั้น คือสีแดง สีเดียวเพียวๆ ไม่มีสีอื่่นให้เลือกเลย ดังนั้นผู้ที่ต้องการขับขี่ BIGBIKE รุ่นนี้ก็ต้องทำใจในเรื่องของเฉดสีที่จะเหมือนกันไปหมดทั่วถนน

ในเมื่อเฉดสีของ Ducati Monster 1200 ที่มีเพียง สีแดงสีเดียวแล้ว ต่อให้มันเป็นจุดด้อย แต่ก็ยังมีความสมาร์ทในความด้อยของมันอยู่คือ การใช้สีแดงเพิ่มลูกเล่นในส่วนของตัวถัง โครงเหล็ก เฟรมหลัง บังโคลนหน้า และช่วงล่างเพียงเล็กน้อย มันทำให้ตัดกับสีดำของเครื่องยนต์ เบาะนั่ง และวงล้อได้อย่างสวยงาม อีกทั้งสีเงินโครเมี่ยมของปลายท่อไปเสียแบบทวิน แต่จานดิสก์เบรค อีกทั้งส่วนเล็กน้อยๆบางส่วนของ Ducati Monster 1200 ด้วยแล้วมันก็ทำให้บิ๊กไบค์คันนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันตา ซึ่งการใช้สีแดงเป็นสีหลักนั้นเป็นการเพิ่มความร้อนแรง ผสานความโดดเด่นของตัวบิ๊กไบค์ได้ค่อนข้างดีเยี่ยม แต่ถ้าเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆแล้ว คงต้องยอมแพ้ในเรื่องของสีสันแน่นอน

ในด้านราคา Ducati Monster 1200 ก็ตามสไตล์ดูคาติเลยครับ 899,000 บาท เป็นราคามาตรฐานของ Ducati Monster 1200 ที่หลายๆคนก็พอที่จะยอมรับได้กับราคาเฉียดล้านขนนาดนี้ หากเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ความสวยงาม ความปลอดภัย สมรรถนะที่ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์นี้ สำหรับราคานี้ผมให้ผ่านครับ เรียกว่าคุ้มค่า และเหมาะสมกับชิ้นส่วนต่างๆที่ประกอบอย่างสวยงามและดีไซน์ที่โดนใจอย่างอย่าเต็มที่เลยทีเดียว

ภายนอกโดดเด่นเห็นชัดด้วยตัวถังสีแดงที่สะท้อนความเป็น ตัวต้นของคุณได้ดีเยี่ยมแน่นอน ด้วยถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้มีความกระชับพื้นที่และเพิ่มเส้นสายความโฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยสไตล์อิตาลี เมื่อมองลงมาอีกนิดจะเห็นโครงเหล็กสีแดงที่ได้ทรงสวยงามพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีการจัดวางอย่างสวยงามได้สัดส่วน เหมือนกับคนที่เล่นกล้ามแล้วมีมัดกล้ามออกมาอย่างสวยงามยังไงยังงั้นเลยทีเดียว สำหรับท่อไอเสียได้จัดวางอย่างลงตัว เป็นท่อไอเสียแบบทวิน ที่เพิ่มความเท่และดีกรีความแรงตั้งแต่มองเห็นครั้งแรก

ทั้งความโค้งมนของช่วงหน้าและความใหญ่ของส่วนปลายทำให้เพิ่มพลังของ Ducati Monster 1200 ได้อย่างน่าทึ่ง ด้านหน้าจะเห็นได้ถึงความสวยงามของไฟหน้าแบบกลมขนาดใหญ่ที่ได้ติดตั้งอย่างได้ตำแหน่ง และไฟเลี้ยวที่แยกออกมา ทรงรีทั้งซ้ายและขวา ทั้งด้านหน้าและด้านหลังก็ได้ใช้ไฟเลี้ยวแบบเดียวกัน ส่วนไฟท้ายก็ส่องความสว่างได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน เพิ่มความสนุกทุกครั้งที่เบรค ด้วยแสงแอลอีดีที่สวยสดงดงามของ Ducati Monster 1200ไฟท้ายมีการดีไซน์อย่างสวยงาม มีเส้นสายของความเป็นสปอร์ตอย่างเห็นไดชัด และเนื่องจากบิ๊กไบค์คันนี้ออกแบบมาให้นั่งได้คนเดียว จึงมีการดีไซน์เบาะนั่งให้ใหญ่และนั่งสบายกว่าที่เคย

มาดูที่เครื่องยนต์ Ducati Monster 1200 กันบ้างนะครับ เป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่พอตัวสำหรับบิ๊กไบค์คันนี้ ซึ่งมีการใช้เครื่องยนต์แบบ Testastretta 11ดีกรี แอลทวิน 4วาล์วต่อกระบอกสูบ แบบ Desmodromically actuated valves พร้อมระบายความร้อนด้วยระบบของเหลว liquid cooled แลพสำหรับความจุกระบอกสูบนั้นก็เยอะเต็มเปี่ยมที่ 1198.4ซีซี ซึ่งมีระยะการชักของกระบอกสูบที่ 106 x 67.9มม. และส่งต่ออัตราการอัดที่ 12.5:1 ตะลึงไปกับความแรงของ Ducati Monster 1200 ด้วยกำลังสูงสุดที่เหนือชั้น 99.3 กิโลวัตต์ (135 แรงม้า) ที่ 8,750 รอบต่อนาที และแรงบิดที่เร้าใจทั้งรอบต่ำและรอบสูงที่ 118 นิวตั้นเมตร (87 ลูกบาศก์ฟุต) ที่ 7,250 รอบต่อนาที

พร้อมจ่ายเชื้อเพลิงอย่างอัจฉริยะด้วยระบบเชื้อเพลิงแบบ Electronic fuel injection system พร้อมหัวฉีดขนาด 53มม. ที่มาพร้อม full Ride by Wire และเทคโนโลยีความแรง Lightweight 2-1-2 system Ducati Monster 1200 ให้การส่งกำลังแบบนุ่มนวลผ่านระบบเกียร์แบบ 6 speed ที่มีอัตรา Primary drive อยู่ที่ 1.84:1 ที่มาพร้อมระบบคลัทช์เปียก มัลติเพล็ต พร้อม hydraulic control ช่วงล่างก็ปลอดภัยด้วยระบบกันเบรคเอบีเอส ทั้งหน้าและหลัง ยับยั้งการเบรคได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้การขับขี่ Ducati Monster 1200 (ดูคาติ มอนสเตอร์ 1200) บิ๊กไบค์คันนี้ สนุกยิ่งขึ้น

เปรียบเทียบบิ๊กไบค์ Ducati Monster 796 vs Kawasaki Z800

เปรียบเทียบบิ๊กไบค์ Ducati VS Kawasaki

เปรียบเทียบบิ๊กไบค์ Ducati VS Kawasaki

พบกับการเปรียบเทียบของบิ๊กไบค์ยอดนิยมในปัจจุบัน ที่กำลังรับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เป็นบิ๊กไบค์จากอิตาลี และบิ๊กไบค์จากญี่ปุ่น อย่าง Ducati Monster 796 (ดูคาติ มอนสเตอร์ 796) vs Kawasaki Z800 (คาวาซากิ แซด800) ทั้งสองรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองคนที่กำความเร็วอย่างแท้จริง และด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ตอบโจทย์ความเป็นสตรีทได้อย่างลงตัว ทำให้การออกแบบของสองเน็คเก็ตต่างสัญชาตินั้นได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยบิ๊กไบค์ทั้งสองรุ่นนี้ เอาใจคนรุ่นใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการขับขี่แบบพิเศษ โดยบ่งบอกสไตล์และเอกลักษณ์ความเป็นตัวคุณได้อย่างโดดเด่น พร้อมสร้างความอิสระให้คุณได้เป็นอย่างดี ทางด้านดูคาติ ก็เน้นดีไซน์แบบอิตาเลียนแท้ เผยให้เห็นโครงเหล็กสไตล์ดูคาติอย่างแท้จริง ด้วยการดีไซน์ภายนอกแบบพิเศษ ส่วนคาวาซากิ ก็ได้ผสมผสานเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวทุกองศา ให้มีความเป็นสตรีทไฟเตอร์มากขึ้น และตอบสนองความล้ำสมัย ได้เต็มอารมณ์สปอร์ตทุกเส้นทาง

ราคารถบิ๊กไบค์ทั้งสองรุ่น

ด้านราคาบิ๊กไบค์คาวาซากิ แซด800 อยู่ที่ 375,000 บาท แต่บิ๊กไบค์ดูคาติ มอนสเตอร์ 796 มีราคาอยู่ที่ 449,500 บาท เรียกว่าเป็นราคาที่ต่างกันไม่มากเท่าไหร่ หากเทียบกับประสิทธิภาพและความคุ้มค่าที่มากกว่า ด้านเน็คเก็ตไบค์ฝั่งญี่ปุ่นอาจจะได้รับความสนใจมากกว่าในเรื่องของราคา

ด้านเฉดสีภายนอก Kawasaki Z800 มีสองสีให้เลือก คือสีดำล้วน และสีส้มดำ โดยทั้งสองสีจะใช้บอดี้สีดำเป็นหลัก ส่วน Ducati Monster 796 ก็มีสองสีให้เลือกเช่นเดียวกัน คือสีแดง และสีขาว โดยทั้งสองสีจะใช้โครงเหล็กสีแดงเพิ่มความโดดเด่นทั้งคู่ ในส่วนของตรงนี้ อาจจะทำให้หลายๆคนตัดสินใจได้ยาก เพราะว่า มีอย่างละสองสีเหมือนกัน ดังนั้นต้องอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่งถ้าหากกำลังมองหาบิ๊กไบค์สีดำ ก็ต้องเลือก Z800 แต่ถ้า ชอบบิ๊กไบค์สีขาว Monster 796 ก็พร้อมตอบสนองให้คุณ แต่ถ้าชอบสีเด่นๆ ทั้งสองแบรนด์ก็มีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสีส้มดำทางฝั่ง Kawasaki  หรือสีแดง ของทางฝั่ง Ducati นั่นเอง

การดีไซน์ภายนอกของ คาวาซากิ แซด800 เน้นความเป็นสตรีทและความสปอร์ต ทุกสัดส่วนมีความเฉียบคม ด้วยเส้นสายของการดีไซน์ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความเป็นสตรีทได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวบอดี้ ตัวเฟรม หรือลายกราฟฟิคต่างๆ มันมีความเฉียบคมที่สะดุดตา ยิ่งในส่วนของตัวถัง ที่โค้งมนจนได้รูป และเบาะนั่งที่ออกแบบมาให้มีความสูงที่ 834 มิลลิเมตร ทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีความสูงกำลังดี ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ประมาณ 229 กิโลกรัม  โดยสามารถบรรจุน้ำมันได้เต็มถังที่ 17 ลิตร เน็คเก็ตไบค์ฝั่งญี่ปุ่น ถูกออกแบบมาให้มีระยะฐานล้อที่ 1,445 มิลลิเมตร ทำให้การทรงตัวนั้นค่อนข้างยอดเยี่ยม ส่วนการ

kawasaki Z800

ดีไซน์ภายนอก kawasaki Z800

ดีไซน์ภายนอกของ ดูคาติ มอนสเตอร์ 796 ก็ออกแบบมาเป็นเน็คเก็ตไบค์สมัยใหม่ ที่มีความเรียบหรู และมีระดับ มีความปราดเปรียว และดูสปอร์ตอย่างมีสไตล์ เพิ่มความน่าสนใจด้วยลายคาดบริเวณตัวถัง เป็นการเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับความเป็นตรีทได้อย่างลงตัว นอกจากนี้บิ๊กไบค์แดนมะกะโรนี ยังเน้นความเป็นตัวของตัวเองด้วยโครงเหล็กที่บ่งบอกว่าเป็นดูคาติขนานแท้ ในเรื่องของความสูงเบาะนั่ง ดูคาติออกแบบมาให้มีเบาะนั่งที่ต่ำกว่าที่ความสูง 800 มิลลิเมตรเท่านั้น และมีน้ำหักเพียง 188กิโลกรัม ในเรื่องของความต่ำและน้ำหนัก ทำให้ดูคาติโดนใจคอเน็คเก็ตไบค์ไปเต็มๆ เพราะว่าคล่องตัวกว่า และเหมาะสำหรับนักบิดมือใหม่ ที่ต้องการเบาะนั่งต่ำๆได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ในส่วนของความจุน้ำมัน บิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลียน สามารถจุน้ำมันได้แค่ 15 ลิตรเท่านั้น น้อยกว่าคาวาซากิ 2ลิตรครับ โดยรวมแล้ว ภาพลักษณ์ภายนอกของ ทั้งสองรุ่นนี้ หากเป็นมือใหม่ มอนสเตอร์ 796 อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ในเรื่องของการคอนโทรลตัวรถและความคล่องตัวต่างๆ แต่หากเปรียบถึงความสปอร์ต ความเป็นสตรีท แซด800 อาจจะดูมีมิติความเฉียบคมมากกว่า

ดีไซน์ภายนอก Ducati Monster 796

ในส่วนของเครื่องยนต์ Kawasaki Z800 อาจจะมากกว่าเล็กน้อย เพราะว่าใช้เครื่องยนต์ ขนาด 806 ซีซี แต่ทางฝั่ง Ducati Monster 796 ใช้เครื่องยนต์ที่ 803ซีซี น้อยกว่าเล็กน้อยแต่ว่าความแรงรองเครื่องของเน็คเก็ตไบค์แดนปลาดิบให้พลังสูงถึง 113แรงม้า ในขณะที่เน็คเก็ตไบค์แดนมะกะโรนีห้ำลังได้เพียง 87แรงม้าเท่านั้น ในเรื่องของความแรง Kawasaki จึงกินขาดไปหลายขุมเลยทีเดียว

ดีไซน์ภายนอก Ducati Monster796

ด้านระบบความปลอดภัย คาวาซากิ แซด800 และ ดูคาติ มอนสเตอร์ 796 ก็ใช้โช๊คอัพหน้าแบบหัวกลับทั้งคู่ โดยทางคาวาซากิ ใช้โช๊คอัพหลังแบบ แก๊ส Uni-Trak ปรับ preload และ rebound ได้ และใช้ระบบเบรคแบบ ดิสก์ ทั้งหน้าและหลัง  ส่วนทางฝั่งดูคาติก็ปลอดภัยไม่แพ้กันด้วยโช๊คอัพหลังแบบ Progressive linkage พร้อม preload และ rebound

สำหรับบทสรุปของทั้งคู่ Kawasaki Z800 ค่อนข้างที่จะโดดเด่นเรื่องดีไซน์ ที่ทันสมัยมากกว่า ราคาก็ถูกกว่า เครื่องยนต์แรงกว่า การใช้งานต่างๆก็มีความเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ด้านทางฝั่งศูนย์บริการ ก็หาได้ง่ายกว่า ส่วนข้อเสียก็อาจจะเป็นเบาะนั่งที่สูงไปหน่อย และน้ำหนักที่มากเกินไปเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทาง Ducati Monster 796 ข้อของมันคือเป็นรถยุโรปที่มีความทนทานค่อนข้างสูง มีน้ำหนักเบา เพราะได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ มีเบาะนั่งที่ต่ำ ตอบโจทย์ทุกสรีระการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนข้อเสียนั้น ดีไซน์ของมันยังไม่ทันสมัยเท่าไหร่ ราคาก็สูงเกินไป เครื่องยนต์ก็ให้กำลังน้อยกว่า แถมราคาก็สูงกว่า ศูนย์บริการก็หาลำบากกว่า ดังนั้นบทสรุปของทั้งบิ๊กไบค์คู่นี้ คาวาซากิ ภาษีดีกว่าเต็มๆ

ที่มา http://th-bigbike.com/