A.P. Honda นำเสนอรถจักรยานยนต์ต้นแบบในงานมอเตอร์โชว์

A.P. Honda นำเสนอรถจักรยานยนต์ต้นแบบในงานมอเตอร์โชว์

ค่ายมอเตอร์ไซค์ A.P.Honda ผู้จำหน่ารถจักรยานยนต์ชั้นนำของไทย นำเสนอรถจักรยานยนต์รุ่นต่างๆ ที่จำหน่ายในไทย พร้อมนำเสนอรถต้นแบบสุดล้ำที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ภายใต้แนวคิดของบูธ “Honda Neo Xperience Store” ซึ่งเป็น Glass Hall ติดตั้งเทคโนโลยี อินเตอร์แอคทีฟ เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผู้ร่วมงาน The 37th Bangkok International Motor Show ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และได้เปิดเผยราคาบิ๊กไบค์ Honda และราคามอเตอร์ไซค์ Honda อีกหลายรุ่น

กรรมการบริหาร เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เผยว่า “รากฐานสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมใหม่ๆของฮอนด้า คือการมองไปข้างหน้า แต่ไม่มองข้ามสิ่งสำคัญของสิ่งเแวดล้อมบนโลกใบนี้ ดังนั้นเราจึงได้นำความสนุกภายใต้แนวคิด Power Of Fun Project มาเป็นแกนหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องมีทั้งความสนุกและความสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

“โดยภายในงาน Bangkok International Motor Show 2016 นอกจากบูธที่ได้รับการสร้างสรรค์เป็นอย่างดีแล้ว ทางเราได้มีการนำค็อนเซ็ปคาร์มากมายมาจัดแสดง ซึ่งมีไฮไลท์ สำคัญอยู่ที่ Honda EV-Club Concept เป็นรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษ และได้รับการดีไซน์ที่คลาสสิคระหว่างรถของตระกูล Cub กับเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ออกแบบพิเศษทำให้มีน้ำหนักเบา ชาร์ตไฟและขับขี่ไปได้ระยะทางที่ไกลกว่า”

“ถัดมาคือ Honda 300 TT Racer Concept ที่นำจุดเด่นของรถใสตระกูล 300 series ประยุกต์กับการแต่งรถแบบ Neo Retro Racer ผู้ที่ชื่นชอบรถมินิไบค์ ทางเราได้จัดแสดง New Honda Monkey Concept รถที่สร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นฐานของรถตระกูล MSX รวมถึง Honda Grom50 Scrambler Concept One และ Concept Two จากประเทศญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบิ๊กไบค์ Honda ได้เปิดตัว New Honda NC750X รถครอสโอเวอร์ที่ได้รับการปรับโฉมเพิ่มความสปอร์ต สวยงามและขับสนุกยิ่งกว่าเดิม”

“สายมอเตอร์สปอร์ต ทางเราได้นำรถแข่งของนักบิดไทยมาให้ได้ชมกัน ที่กำลังลงแข่งในรายการระดับเอเชียและระดับโลก ภายใต้สังกัดของเอ.พี.ฮอนด้า โดยเฉพาะรถแข่งที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 600 cc. ของ ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หนึ่งเดียวในไทยที่ตอนนี้ลงแข่งขันในรุ่นของเวิล์ด จีพี รุ่น Moto2″

นอกจากรถ, เทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟ และการจัดแสดงที่น่าสนใจแล้ว ทางรถจักรยานยนต์ฮอนด้ามอบความบันเทิงให้กับผู้เข้าชมบูธอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นมาริโอ้ เมาเร่อ, โทนี่ รากแก่น, สิงโต นำโชค, พีช พชร, ไทยเทเนียม, แป้งโกะ รวมถึงนักแข่งชื่อดังในสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า ทั้งฟีม รัฐภาคย์ โฟลท์ รัฐพงษ์ วิไลโรจน์, ชิพ นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถและสไตล์การแต่งตัว ฮอนด้าได้นำเสนออุปกรณ์การตกแต่งจักรยานยนต์หลากหลายรุ่นภายใต้แบรนด์ H2C ควบคู่กับสินค้าเครื่องแต่งกายคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด ให้ผู้เข้าชมงานได้เป็นเจ้าของพิเศษก่อนใคร

ทั้งหมดนี้พร้อมให้คุณได้ร่วมชม, สัมผัสและมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้ร่วมงานทุกท่านได้ที่บูธ Honda  ในงาน Bangkok International Motor Show ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 เมษายน

เทคนิคการดูแลรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เบื้องต้น

ทคนิคการดูแลรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เบื้องต้น

ทคนิคการดูแลรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เบื้องต้น

หลายๆคนอาจสงสัยว่าควรจะดูแลบิ๊กไบค์ยังไงดี สำหรับเทคนิคการดูแลรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เบื้องต้น มาดู 4 ข้อพื้นฐานง่าย ๆ ในการดูแลรถบิ๊กไบค์ของท่าน

1 .สำหรับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ และการตรวจสอบคันเร่งรถบิ๊กไบค์ เติมน้ำมันเชื้อเพลิงเปิดฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ควรเติมน้ำมันเกินแผ่นวัดระดับที่ขอบปากถัง การปิดฝาถังน้ำมันจากตัวล็อคให้ตรงกับที่ขอบปากถัง กดฝาจนสุด ถ้าฝาถังยังไม่ล๊อคจะไม่สามารถดึงกุญแจออกได้ การตรวจสอบคันเร่งดับเครื่องยนต์บิดคันเร่ง เช็คการเลี้ยวของแแฮนด์และระยะฟรีคันเร่งถูกต้อง ถ้าคันเร่งหมุนไม่คล่องตัวสายคันเร่งเสียหายให้นำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ

2. การตรวจเช็คน้ำมันเครื่องอุ่นเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์ประมาณ 5 นาที 2 ดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 3-4 นาที 3 ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่างการตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่าง ระดับน้ำหล่อเย็นลดลงหรือไม่มีน้ำหล่อเย็นให้นำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ การตรวจเช็คน้ำมันเบรค จอดรถตั้งตรงเช็คระดับน้ำมันเบรคที่กระปุกด้านบนระดับคุณอยู่เหนือบีทบ๊อกระดับต่ำสุดและระดับของน้ำมันเบรคหลังรั่วอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่างระดับน้ำมันเบรคอยู่ตามกดคีย์ต่ำสุดให้เช็คระยะฟรีคันเบรคหน้าและคันเบรคหลังหากระยะมากเกินไปให้ตรวจสอบการสึกหรอของผ้าเบรคหน้า ผ้าเบรคไม่สึกหรอแสดงว่าน้ำมันเบรคอาจจะรั่วให้นำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ การตรวจสอบผ้าเบรคเบรคหน้าให้ตรวจสอบจากด้านล่างของคาลิปเปอร์เบรคหลังให้ตรวจสอบจากด้านหลังข้างขวาของรถผ้าเบรกสึกหรอจนถึงร่องให้นำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรคที่ศูนย์บริการ

3. การตรวจสอบระยะตึงหย่อนของโซ่ ตั้งรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ให้ตรง จากนั้นดับเครื่องเข้าเกียร์ว่าง เช็คระยะตึงงหย่อนช่วงกึ่งกลางด้านล่างของโซ่ระหว่างสเตอร์หน้าและสเตอร์หลัง หมุนล้อไปข้างหน้าแล้วหยุดเพื่อเช็คความคล่องตัวของโซ่ ถ้าผิดปกติให้นำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการฮอนด้าบิ๊กวิง การตรวจเช็คระยะฟรีครัชระยะฟรีครัชต้องอยู่ประมาณ 10 มิลลิเมตร หมุนหล่อลื่นสายคลัชอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและสึกหรอ ถ้ามือขาเสียหายหรือสึกหรอควรนำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ

4. การเช็คขาตั้งข้างทำความสะอาดและใช้จารบีหล่อลื่น เช็คความเสียหายของสปริงขาตั้งข้าง พับขาตั้งข้างขึ้นจากนั้นขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง สตาร์ทเครื่องบีบครัชและเข้าเกียร์เมื่อนำขาตั้งข้างลงเครื่องจะดับ แต่ถ้าเครื่องไม่ดับให้นำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการ การตรวจสอบสภาพยางรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ตรวจวัดแรงดันลมยางให้สม่ำเสมอก่อนใช้งานอย่างน้อยเดือนละครั้ง ตรวจสอบสภาพอย่างว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ และทั้งหมดคือการดูแลรักษารถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เบื้องต้น ที่ควรดูแลให้พร้อมใช้อยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

10อันดับ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ปี 2018

มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ในตลาดรถ

มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ในตลาดรถ

ใครที่กำลังมองหามอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ สำหรับปี 2018 นี้ เรามี 10อันดับ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ปี 2018 มาแนะนำกันครับ เป็นบิ๊กไบค์ที่กำลังมาแรง และกำลังได้รับความสนใจในตลาดบิ๊กไบค์ในช่วงนี้ มีหลายค่ายด้วยกันนะครับ ซึ่งออกแบบมาให้ตลาด BIGBIKE สั่นสะเทือนกันอีกครั้ง เพราะแต่ละค่าย ก็ได้ส่งบิ๊กไบค์มาอย่างล้นหลาม พร้อมทำตลาด ด้วยดีไซน์ใหม่ๆ เน้นความสปอร์ตและความทันสมัยเป็นหลัก ในเรื่องเทคโนโลยีนี่ต้องบอกเอาไว้ก่อนเลยว่า ครบครันอย่างแน่นอน

เพราะว่า ออกแบบมาเอาใจคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ เน้นความโมเดิร์น ความหรูหรา การใช้งานที่ง่าย ออกแบบสวย มีสไตล์ ราคาไม่แพง แต่ความแรงไม่เป็นรองใคร ทำให้หลายๆคนตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก สำหรับคอนเซ็ปต์ต่างๆที่แต่ละค่ายได้ส่งมาอวด พรอมสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยความพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์ทุกๆคน โดยเน้นความเป็นตัวของตัวเอง ให้สะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้อย่างมากที่สุด เพิ่มเสน่ห์ให้มีน่าตื่นตา เพิ่มความเร้าใจให้น่าตื่นเต้น และมีเอกลักษณ์อย่างสะดุดตา มาดูกันเลยครับว่าจะมีมอเตอร์ไซค์รุ่นใดบ้าง

10อันดับ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ปี 2018

อันดับ 10 YAMAHA Super Tenere (ยามาฮ่า ซุปเปอร์ เตเนเร่) เอ็นดูโร่สไตล์ใหม่ ที่ออกแบบมาให้พร้อมทัวร์ริ่งทุกเส้นทาง โดดเด่นด้วยความแรงของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบ 1200ซีซี  ที่สร้างความดุดันและพลังในการเดินทางได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมาพร้อมระบบการระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นบิ๊กไบค์สองกระบอกสูบที่มีเทคโนโลยีมากมายเต็มคัน ตอบสนองสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างดีเหนือชั้นแน่นอนครับ

อันดับ 9 Yamaha Bolt R Spec (ยามาฮ่า โบลต์ อาร์ สเปค) สุดยอดความคลาสสิคที่เหนือชั้น มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สัญชาติญี่ปุ่นคันนี้ มาพร้อมความโดดเด่นของสีสันสุดพรีเมี่ยม  โดนใคนชอบเดินทางเป็นยิ่งนัก เน้นความทันสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งสไตล์คลาสสิค ฟินกับความเป็นโครเมี่ยมของแท้ และตอบโจทย์ลุคบ๊อบเบอร์ได้อย่างลงตัว คนเมืองห้ามพลาดกับบิ๊กไบค์รุ่นนี้ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดกลาง 942 ซีซี วีทวิน และเทคโลยีพิเศษมากมาย  เป็นบิ๊กไบค์ที่เหนือกว่าบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆแน่นอน

อันดับ 8 Yamaha Motor Cross YZ-250F (ยามาฮ่า มอเตอร์ ครอส วายแซด-250เอฟ) สเต็ปใหม่ของการขับขี่ พร้อมพลิกทุกความมันส์ให้คุณเร้าใจอย่างมีมิติ  ฟินเต็มแรงบิดด้วยประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ อีกทั้งการดีไซน์ที่แปลกใหม่ ด้วยความแข็งแรง ทุกรายละเอียดใช้วัสดุคุณภาพดีในการออกแบบ แรงด้วยเครื่องยนต์ 250ซีซี ออกแบบมาให้คุณได้สนุกเต็มสปีดแน่นอน อีกทั้งยังมีการตอบสนองที่ว่องไว เป็นบิ๊กไบค์ที่มีความสมดุลเป็นอย่างมาก ต้องยกนิ้วให้ยามาฮ่าครับ ที่ออกแบบรุ่นนี้มาได้อย่างยอดเยี่ยม

อันดับ 7 Yamaha Motor Cross YZ-450F (ยามาฮ่า มอเตอร์ครอส วายแซด-450เอฟ) โดดเด่นเต็มสไตล์กะทัดรัดโดนใจ กับบิ๊กไบค์จากค่ายยามาฮ่าอีกหนึ่งคันที่มาแรงมากๆในช่วงต้นปี 2558นี้ เป็นบิ๊กไบค์ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างเป็นพิเศษ พริ้วไหวทุกการขับเคลื่อน มีระบบกันสะเทือนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี เครื่องยนต์ทรงพลังแบบ 450ซีซี  การันตีความแรงและความมันส์ทุกแรงบิดเลยทีเดียว

อันดับ 6 Yamaha FZ-09 (ยามาฮ่า เอฟซีร์-09) ครอง 5อันดับบิ๊กไบค์มาแรงที่สุดไปแล้วสำหรับยามาฮ่า และนี่ก็คืออีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ  สำหรับเน็คเก็ตไบค์รุ่นนี้ ที่มาพร้อมความสปอร์ตอย่างเต็มคัน โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ที่มีสไตล์ มั่นใจในอันตรการเร่งที่เหนือชั้น ต้องบอกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดนใจสุดๆ เพราะคุณสามารถสนุกกับมันได้อย่างคล่องตัว เป็นเน็คเก็ตไบค์ที่เหมาะกับคนไทยมากๆครับ ขอการันตี

อันดับ 5 Honda MSX125 (ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ 125) มินิไบค์หัวใจสปอร์ต ตอบโจทย์การขับขี่ของคนในเมืองได้อย่างครบครัน เป็นบิ๊กไบค์ที่มาพร้อมคอนเซ็ปท์ที่ว่า  คลัทชิ่ง มาย อะดรีนาลีน ปล่อยมันออกมาซะ สำหรับปีนี้ มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวรูปแบบใหม่ ทั้งดีไซน์ ลายกราฟฟิค และการออกแบบส่วนต่างๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น เอาใจคนรุ่นใหม่ ที่ชอบการแต่งรถอีกด้วยนะครับ มันส์ทุกการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 125ซีซี ที่ออกแบบมาพร้อมความอัจฉริยะของระบบหัวฉีดแบบ PGM-FI สไตล์ฮอนด้า สำหรับราคามอเตอร์ไซค์คันนี้อยู่ที่ 68,900 บาทครับ

อันดับ 4 YAMAHA YZF-R3 (ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์3) มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สไตล์สปอร์ตคันนี้ จะมีการวางจำหน่ายในปีนี้อย่างแน่นอนครับ ออกแบบมาให้มีความสปอร์ตยิ่งขึ้น เอาใจคอสปอร์ต  สวยงาม โฉบเฉี่ยวมีสไตล์ แรงเต็มกำลังขับขี่มันส์ด้วยเครื่องยนต์ 320ซีซี ที่ออกแบบมาให้มีความสปอร์ตอย่างลงตัว  เรียกว่าออกแบบมาในสเป็คที่คนไทยต้องการ เพราะว่าเน้นการขับขี่ที่ง่ายและสามารถใช้งานได้เต็มสมรรถนะราคาอยู่ที่ 162,000 บาท

อันดับ 3 Kawasaki Z300 ( คาวาซากิ แซด 300) สุดยอดเน็คเก็ตไบค์รุ่นใหม่แดนปลาดิบ ที่มาพร้อมความเขียวสดใสเป็นเอกลักษณ์จากค่ายคาวาซากิ  อัพเกรดทุกสัดส่วนให้มีความปึกกว่าเดิม สนองการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์คุณภาพสูง ปริมาตรกระบอกสูบ 300ซีซี เอาใจคนรุ่นใหม่ที่อยากมีบิ๊กไบค์เป็นของตัวเอง และเน้นการขับขี่ที่ง่าย ในราคาที่ไม่สูง 172,000 บา เป็นราคาที่คุ้มค่ามากๆสำหรับมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ครับ เตรียมทุบกระปุกซื้อกันได้เลย

อันดับ 2 BMW R1200R (บีเอ็มดับเบิ้ลยู อาร์1200อาร์) สุดยอดเน็คเก็ตไบค์ที่ล้ำอนาคตที่สุด ออกแบบมาให้โลกได้สั่นสะเทือนแล้ว ในปีนี้คุณจะได้สัมผัสอีกมิติของการเดินทางอย่างแท้จริง เตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่ไปกับการขับขี่ได้ในปี 2558 โดยเจ้ามอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่ว่านี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ 1200ซีซี น้ำหนักรวมของเน็คเก็ตไบค์รุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 227กิโลกรัมเท่านั้น ช่วงล่างแข็งแกร่ง มีระบบเบรคและระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาอย่างมีมาตรฐาน สำหรับราคาก็อยู่ที่หลักล้านต้นๆแน่นอนครับ

อันดับ 1 KTM 390 DUKE ( เคทีเอ็ม 390 ดูค) เน็คเก็ตไบค์ที่กำลังมาแรงในปี 2558นี้ เป็นของเคทีเอ็มครับ ออกแบบมาให้ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก โดยมีปริมาตรกระบอกสูบที่ 373ซีซี  เป็นเครื่องยนต์สี่วาล์ว สูบเดี่ยว 44แรงม้า มีถังน้ำมันขนาดใหญ่ทำให้สามารถจุน้ำมันได้มากกว่า ดีไซน์ของเจ้ามอเตอร์ไซค์คันนี้โดนใจมากๆ เพราะว่ามันสวยงามและล้ำสมัยสุดๆ ใครอยากได้เน็คเก็ตไบค์ราคาเป็นมิตรและคุ้มค่า ราคา 150,000 บาท ต้องเคทีเอ็มเท่านั้น

ต้องบอกว่ารถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ทั้ง 10รุ่น ถือว่าเป็นที่สนใจของใครหลายๆคนในตลาดรถอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามก็คงจะมีสักคันที่ถูกอกถูกใจและอยากได้ครอบครอง

10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015

BMW-S-1000-R-13
10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015

วันนี้เราจะมาดูบิ๊กไบค์ที่ได้รับความนิยมและมอเตอร์ไซค์ที่เรียกว่าได้รับความสนใจมากที่สุด ด้วยราคา ดีไซน์ และเครื่องยนต์ ที่ผสมผสานแล้วลงตัวออกมาอย่างน่าประทับใจ มี 10รุ่นด้วยกันที่เราจะนำมาเสนอให้ทุกคนได้รู้ว่า เป็นบิ๊กไบค์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องต่างๆ และน่าซื้อมากๆที่สุดในตอนนี้ เผื่อบางคนยังไม่แน่ใจ ว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นไหนดี วันนี้เราเลยจะมาเปรียบเทียบให้ทราบกันนะครับ ว่ามีรุ่นใดบ้างที่น่าซื้อ น่าเป็นเจ้าของ เรียกว่ารวบรวมบิ๊กไบค์หลากหลายสัญชาติเข้ามารวมกันไว้ที่นี่แล้ว กับ 10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยม ที่คุณจะต้องรีบระดมพลไปสัมผัสของจริง

รับรองเลยครับว่าแต่ละคัน ที่เราจะนำมาให้ดูต่อไปนี้ฟินแน่นอน สะท้อนทุกไลฟ์สไตล์ของคุณได้แน่ๆ ใครที่เป็นสิงห์นักบิดสายพันธุ์แท้ หรือผู้ที่กำลังจะเข้ามาเป็นสิงห์นักบิด ก็เตรียมมาพบกับคู่ใจสองล้อที่จะพลิกชีวิตของคุณให้มีสีสันกันเถอะครับ กับบิ๊กไบค์ 10คันต่อไปนี้ ที่พร้อมสร้างอิสระและสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ให้คุณ

10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015

อันดับ 10 Ducati Monster S2R (ดูคาติ มอนสเตอร์ เอส2อาร์) เน็คเก็ตไบค์ขนาดกลาง  ที่มาพร้อมสีพิเศษ ด้วยสีขาว คาดสีแดง และล้อแม็กซ์สีแดงลายพิเศษ สามารถเป็นตัวเลือกให้คนที่ต้องการพาหนะคู่ใจคันใหม่ และนี่แหละครับความโฉบเฉี่ยวสไตล์อิตาลี ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 803 ซีซี แอลทวิน 87แรงม้า 78นิวตั้นเมตร โดยมีราคาการวางจำหน่ายอยู่ที่ 459,900 บาทเท่านั้น เป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว ไม่แพงมากเกินไป สำหรับบิ๊กไบค์รุ่นนี้จากดูคาติ

อันดับ 9 Triumph Street Triple R (ไทรอัมพ์ ทริปเปิ้ล อาร์ ) เน็คเก็ตไบค์ไซส์กลาง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สุดแกร่งขนาดกลาง พร้อมดีไซน์ที่เหนือชั้นและการออกแบบสุดสปอร์ต แรงโดนใจด้วยขุมพลังแบบ 675cc พร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลว ช่วงล่างแข็งแรงและทนทาน มีระบบคามปลอดภัยระดับสากลอย่างระบบเบรคเอบีเอส ภายนอกมีให้เลือกถึงสามสีด้วยกันคือ สีขาว เทา และดำ เรียกว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่สวยงามมากๆ ราคาของมันอยู่ที่ 460,000 บาทเท่านั้นครับ อาจจะดูแพงแต่ว่าความแรงเกินประสิทธิภาพครับ

อันดับ 8 YAMAHA YZF-R15 (ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-15)  บิ๊กไบค์ขนาดเล็กที่มาพร้อมความดุดันและความเร้าใจ สปอร์ตเหนือชั้น ด้วยการดีไซน์สุดสง่างาม ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหรือมาตราวัดความเร็วก็ออกแบบมาอย่างเป็นเอกลักษณ์ สำหรับบิ๊กไบค์แดนญี่ปุ่นคันนี้ ใช้ขุมพลังขนาดเล็ก 150 ซีซี ลูกสูบเดี่ยว ส่งจังหวะด้วยระบบเกียร์ 6สปีด มีความสูงของเบาะนั่งที่ 800 มม. เท่านั้น เป็นบิ๊กไบค์ที่เป็นมิตรกับมือใหม่มากๆ ทั้งราคาและดีไซน์ เพราะว่ามีราคาอยู่ที่ 85,000 บาทเท่านั้น โดนใจสุดๆ

อันดับ 7 Suzuki Gladius 650 ( ซูซุกิ กลาดิอัส 650 ) เน็คเก็ตไบค์สไตล์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมดีไซน์สุดไฮคลาส พรีเมี่ยมทุกตารางนิ้ว พริ้วไหวทุกการขับขี่ ดูดีทะลุมิติ ฟิตเต็มประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์ V-Twin DOHC ขนาด 645 ซีซี พร้อม ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ภานอกมีหายเฉดสีให้เลือกเช่น สีเทาดำ, สีน้ำเงินขาว, และสีดำ สำหรับราคาของบิ๊กไบค์รุ่นกลางจากซูซุกิรุ่นนี้อยู่ที่ 319,000 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างถูกทีเดียวหากเทียบกับบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ

อันดับ 6 Honda MSX (ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์) สตรีทไบค์พันธุ์ซ่า ที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองได้อย่างยอดเยี่ยม มาพร้อมความเหนือชั้นและความแม่นยำในการทำงานอย่างลงตัว อีกทั้งดีไซน์และเครื่องยนต์ ระบบต่างๆ ความแข็งแรงและความปลอดภัยก็มีประสิทธิภาพ แรงด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะ 124.9ซีซี  ส่งกำลังผ่านเกียร์ 4สปีด ใช้ระบบดิสก์เบรคและล้อขนาด 12นิ้วเพิ่มความพลิ้วไหวในการขับขี่ได้อย่างคล่องตัวเลยทีเดียว สำหรับราคานั้นก็มีหลายราคา แต่ที่แน่ๆนะครับ อยู่ที่ประมาณ 67,000 – 80,000 บาท แล้วแต่รุ่นแล้วแต่ระบบการทำงาน แต่ว่าโดนใจวัยรุ่นไทยมากๆเลยครับ

อันดับ 5 Kawasaki Ksr (คาวาซากิ เคเอสอาร์) มินิซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ ที่มาพร้อมความเฉียบคมและความสปอร์ตรอบคัน โดดเด่นด้วยการเกาะถนนดีเยี่ยม อีกทั้งให้สมรรถนะในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ เร้าใจด้วยเครื่องยนต์ 111 ซีซี  4speed ใช้ระบบดิสก์เบรค ทั้งหน้าและหลัง ภายนอกมี 4เฉดสีให้เลือกคือ ดำ ส้ม ขาว และเขียว ราคาของมินิไบค์รุ่นนี้อยู่ที่ 62,500-64,900 บาทครับ

อันดับ 4 KTM 1190 RC8 R (เคทีเอ็ม 1190 อาร์ซี8 อาร์) ตกเป็นของสปอร์ตไบค์รุ่นใหญ่จากเคทีเอ็ม เรียกว่าเป็นสปอร์ตไบค์ที่เพอร์เฟคท์ที่สุดเลยก็ว่าได้ มาพร้อมเครื่องยนต์สองกระบอกสูบ 1,195ซีซี มีน้ำหนักเพียง 184 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่ลู่ลม เฉียบคมมากๆ สวยแบบไร้ที่ติจริงๆครับ ส่วนราคาของมันค่อนข้างสูงแต่หากเทียบกับประสิทธิภาพ ราคา 1,299,900 บาท ก็ดูคุ้มค่ามากๆ ทั้งเครื่องยนต์และการออกแบบ โดดเด่นไร้คำบรรยายจริงๆ

อันดับที่ 3 Benelli TNT899 (เบเนลลี่ ทีเอ็นที899) เน็คเก็ตไบค์ขนาดกลาง ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์และเครื่องยนต์สี่จังหวะ 3กระบอกสูบ ขนาด 898ซีซีคันนี้ สวยงาม และมีเส้นสายของความปราดเปรียวอย่างเห็นได้ชัด ทุกสัดส่วนดูสปอร์ตมากๆ แถมพละกำลังยังมากมายเหลือล้นจริงๆ บิ๊กไบค์ไซส์กลางรุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ 569,000 บาทเท่านั้น เป็นราคาที่ไม่แพงเลยครับ หากเทียบกับแบรนด์ยุโรปอย่างเบเนลลี่ เรียกว่าดูดีมีสไตล์จริงๆ ใครได้เป็นเจ้าของนี่เท่มากๆ

อันดับ 2 BMW R 1200 RS (บีเอ็มดับเบิ้ลยู อาร์ 1200 อาร์เอส) สปอร์ตไบค์รุ่นใหญ่ สเต็ปเทพ เซฟทุกการเดินทาง แรงทุกสภาพถนน พร้อมผจญภัยอย่างเหนือชั้น ขับขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 1,170 cc เป็นสปอร์ตไบค์ที่สามารถสร้างกำลังได้ที่ 200กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียวถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ช่วงล่างก็แกร่ง หนึบ ยึดเกาะท้องถนนได้เป็นอย่างดี มีระบบเบรคเอบีเอสพร้อม ราคาของสองล้อสัญชาติเยอรมันรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ $14,950 เป็นบิ๊กไบค์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากๆ แม้ว่าราคาจะสูงแต่เทคโนโลยีมากมายแน่นอน

อันดับ 1 Aprilia RSV4 RR (เอพริลเลีย อาร์เอสวี 4 อาร์อาร์) สปอร์ตไบคื 65 ดีกรี ที่สามารถสร้างแรงบิดได้ 117นิวตั้นเมตร  มาพร้อมเครื่องยนต์ 999.6 cc ไม่ใหญ่เกินไป เร้าใจด้วย 184แรงม้า ดีไซน์ภายนอกทันสมัย โมเดิร์น มีความเป็นสปอร์ตอย่างสวยงามอลังการทุกสัดส่วน สำหรับราคาขอองบิ๊กไบค์ไบค์รุ่นนี้ อยู่ที่ประมาณ $14,999 เป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว สำหรับแบรนด์อิตาลีแบรนด์นี้ ที่สร้างความน่าประทับใจได้อย่างน่าเชื่อถือ ต้องยกนิ้วให้เลยครับ

เป็นยังไงกันบ้าง มีรุ่นไหนถูกใจกันบ้างรึเปล่ากับ 10อันดับบิ๊กไบค์ยอดนิยมในตลาดรถ 2015 เชื่อว่าต้องมีสักคันที่คุณอยากเป็นเจ้าของ

เปรียบเทียบบิ๊กไบค์ Ducati Monster 796 vs Kawasaki Z800

เปรียบเทียบบิ๊กไบค์ Ducati VS Kawasaki

เปรียบเทียบบิ๊กไบค์ Ducati VS Kawasaki

พบกับการเปรียบเทียบของบิ๊กไบค์ยอดนิยมในปัจจุบัน ที่กำลังรับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เป็นบิ๊กไบค์จากอิตาลี และบิ๊กไบค์จากญี่ปุ่น อย่าง Ducati Monster 796 (ดูคาติ มอนสเตอร์ 796) vs Kawasaki Z800 (คาวาซากิ แซด800) ทั้งสองรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองคนที่กำความเร็วอย่างแท้จริง และด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ตอบโจทย์ความเป็นสตรีทได้อย่างลงตัว ทำให้การออกแบบของสองเน็คเก็ตต่างสัญชาตินั้นได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยบิ๊กไบค์ทั้งสองรุ่นนี้ เอาใจคนรุ่นใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการขับขี่แบบพิเศษ โดยบ่งบอกสไตล์และเอกลักษณ์ความเป็นตัวคุณได้อย่างโดดเด่น พร้อมสร้างความอิสระให้คุณได้เป็นอย่างดี ทางด้านดูคาติ ก็เน้นดีไซน์แบบอิตาเลียนแท้ เผยให้เห็นโครงเหล็กสไตล์ดูคาติอย่างแท้จริง ด้วยการดีไซน์ภายนอกแบบพิเศษ ส่วนคาวาซากิ ก็ได้ผสมผสานเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวทุกองศา ให้มีความเป็นสตรีทไฟเตอร์มากขึ้น และตอบสนองความล้ำสมัย ได้เต็มอารมณ์สปอร์ตทุกเส้นทาง

ราคารถบิ๊กไบค์ทั้งสองรุ่น

ด้านราคาบิ๊กไบค์คาวาซากิ แซด800 อยู่ที่ 375,000 บาท แต่บิ๊กไบค์ดูคาติ มอนสเตอร์ 796 มีราคาอยู่ที่ 449,500 บาท เรียกว่าเป็นราคาที่ต่างกันไม่มากเท่าไหร่ หากเทียบกับประสิทธิภาพและความคุ้มค่าที่มากกว่า ด้านเน็คเก็ตไบค์ฝั่งญี่ปุ่นอาจจะได้รับความสนใจมากกว่าในเรื่องของราคา

ด้านเฉดสีภายนอก Kawasaki Z800 มีสองสีให้เลือก คือสีดำล้วน และสีส้มดำ โดยทั้งสองสีจะใช้บอดี้สีดำเป็นหลัก ส่วน Ducati Monster 796 ก็มีสองสีให้เลือกเช่นเดียวกัน คือสีแดง และสีขาว โดยทั้งสองสีจะใช้โครงเหล็กสีแดงเพิ่มความโดดเด่นทั้งคู่ ในส่วนของตรงนี้ อาจจะทำให้หลายๆคนตัดสินใจได้ยาก เพราะว่า มีอย่างละสองสีเหมือนกัน ดังนั้นต้องอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่งถ้าหากกำลังมองหาบิ๊กไบค์สีดำ ก็ต้องเลือก Z800 แต่ถ้า ชอบบิ๊กไบค์สีขาว Monster 796 ก็พร้อมตอบสนองให้คุณ แต่ถ้าชอบสีเด่นๆ ทั้งสองแบรนด์ก็มีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสีส้มดำทางฝั่ง Kawasaki  หรือสีแดง ของทางฝั่ง Ducati นั่นเอง

การดีไซน์ภายนอกของ คาวาซากิ แซด800 เน้นความเป็นสตรีทและความสปอร์ต ทุกสัดส่วนมีความเฉียบคม ด้วยเส้นสายของการดีไซน์ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความเป็นสตรีทได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวบอดี้ ตัวเฟรม หรือลายกราฟฟิคต่างๆ มันมีความเฉียบคมที่สะดุดตา ยิ่งในส่วนของตัวถัง ที่โค้งมนจนได้รูป และเบาะนั่งที่ออกแบบมาให้มีความสูงที่ 834 มิลลิเมตร ทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีความสูงกำลังดี ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ประมาณ 229 กิโลกรัม  โดยสามารถบรรจุน้ำมันได้เต็มถังที่ 17 ลิตร เน็คเก็ตไบค์ฝั่งญี่ปุ่น ถูกออกแบบมาให้มีระยะฐานล้อที่ 1,445 มิลลิเมตร ทำให้การทรงตัวนั้นค่อนข้างยอดเยี่ยม ส่วนการ

kawasaki Z800

ดีไซน์ภายนอก kawasaki Z800

ดีไซน์ภายนอกของ ดูคาติ มอนสเตอร์ 796 ก็ออกแบบมาเป็นเน็คเก็ตไบค์สมัยใหม่ ที่มีความเรียบหรู และมีระดับ มีความปราดเปรียว และดูสปอร์ตอย่างมีสไตล์ เพิ่มความน่าสนใจด้วยลายคาดบริเวณตัวถัง เป็นการเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับความเป็นตรีทได้อย่างลงตัว นอกจากนี้บิ๊กไบค์แดนมะกะโรนี ยังเน้นความเป็นตัวของตัวเองด้วยโครงเหล็กที่บ่งบอกว่าเป็นดูคาติขนานแท้ ในเรื่องของความสูงเบาะนั่ง ดูคาติออกแบบมาให้มีเบาะนั่งที่ต่ำกว่าที่ความสูง 800 มิลลิเมตรเท่านั้น และมีน้ำหักเพียง 188กิโลกรัม ในเรื่องของความต่ำและน้ำหนัก ทำให้ดูคาติโดนใจคอเน็คเก็ตไบค์ไปเต็มๆ เพราะว่าคล่องตัวกว่า และเหมาะสำหรับนักบิดมือใหม่ ที่ต้องการเบาะนั่งต่ำๆได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ในส่วนของความจุน้ำมัน บิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลียน สามารถจุน้ำมันได้แค่ 15 ลิตรเท่านั้น น้อยกว่าคาวาซากิ 2ลิตรครับ โดยรวมแล้ว ภาพลักษณ์ภายนอกของ ทั้งสองรุ่นนี้ หากเป็นมือใหม่ มอนสเตอร์ 796 อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ในเรื่องของการคอนโทรลตัวรถและความคล่องตัวต่างๆ แต่หากเปรียบถึงความสปอร์ต ความเป็นสตรีท แซด800 อาจจะดูมีมิติความเฉียบคมมากกว่า

ดีไซน์ภายนอก Ducati Monster 796

ในส่วนของเครื่องยนต์ Kawasaki Z800 อาจจะมากกว่าเล็กน้อย เพราะว่าใช้เครื่องยนต์ ขนาด 806 ซีซี แต่ทางฝั่ง Ducati Monster 796 ใช้เครื่องยนต์ที่ 803ซีซี น้อยกว่าเล็กน้อยแต่ว่าความแรงรองเครื่องของเน็คเก็ตไบค์แดนปลาดิบให้พลังสูงถึง 113แรงม้า ในขณะที่เน็คเก็ตไบค์แดนมะกะโรนีห้ำลังได้เพียง 87แรงม้าเท่านั้น ในเรื่องของความแรง Kawasaki จึงกินขาดไปหลายขุมเลยทีเดียว

ดีไซน์ภายนอก Ducati Monster796

ด้านระบบความปลอดภัย คาวาซากิ แซด800 และ ดูคาติ มอนสเตอร์ 796 ก็ใช้โช๊คอัพหน้าแบบหัวกลับทั้งคู่ โดยทางคาวาซากิ ใช้โช๊คอัพหลังแบบ แก๊ส Uni-Trak ปรับ preload และ rebound ได้ และใช้ระบบเบรคแบบ ดิสก์ ทั้งหน้าและหลัง  ส่วนทางฝั่งดูคาติก็ปลอดภัยไม่แพ้กันด้วยโช๊คอัพหลังแบบ Progressive linkage พร้อม preload และ rebound

สำหรับบทสรุปของทั้งคู่ Kawasaki Z800 ค่อนข้างที่จะโดดเด่นเรื่องดีไซน์ ที่ทันสมัยมากกว่า ราคาก็ถูกกว่า เครื่องยนต์แรงกว่า การใช้งานต่างๆก็มีความเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ด้านทางฝั่งศูนย์บริการ ก็หาได้ง่ายกว่า ส่วนข้อเสียก็อาจจะเป็นเบาะนั่งที่สูงไปหน่อย และน้ำหนักที่มากเกินไปเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทาง Ducati Monster 796 ข้อของมันคือเป็นรถยุโรปที่มีความทนทานค่อนข้างสูง มีน้ำหนักเบา เพราะได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ มีเบาะนั่งที่ต่ำ ตอบโจทย์ทุกสรีระการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนข้อเสียนั้น ดีไซน์ของมันยังไม่ทันสมัยเท่าไหร่ ราคาก็สูงเกินไป เครื่องยนต์ก็ให้กำลังน้อยกว่า แถมราคาก็สูงกว่า ศูนย์บริการก็หาลำบากกว่า ดังนั้นบทสรุปของทั้งบิ๊กไบค์คู่นี้ คาวาซากิ ภาษีดีกว่าเต็มๆ

ที่มา http://th-bigbike.com/