แม้ว่า BMW เผยที่จะยุติการพัฒนารถยนต์ MINI ขนาดเล็ก 3 ประตูเพื่อยกระดับการใช้งานได้ครอบคลุมทั้งส่วนตัวและครอบครัวมากขึ้น แต่ก็มีข่าวคราวของการพัฒนา MINI รุ่นใหม่ที่จะมีตัวถังขนาดเล็กอีกครั้ง โดยเป็นรถที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง BMW และ Toyota ซึ่งรถยนต์รุ่นใหม่ที่ว่านี้มีชื่อเผยชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า MINI Minor
โดยข้อมูลจากสื่อต่างประเทศได้เผยรายละเอียดของข้อมูลที่มีความเป็นไปได้ว่า รถยนต์ MINI Minor นั้นจะมีขนาดตัวถังที่ยาวเพียง 3,450 มิลลิเมตรเท่ากับรถยนต์ Smart Forfour รุ่นใหม่ แต่ความยาวตัวถังขนาดนั้นก็มีความเป็นได้ว่าจะพัฒนาแฮทช์แบ็ค 5 ประตูได้อยู่บ้าง แต่ก็มีข้อมูลเผยว่าอาจทำเพียง 3 ประตู เพื่อความลงตัวของสัดส่วน แถมตัวถังนั้นจะเป็นการสร้างแพลตฟอร์มของตัวมันเอง หรืออาจพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ MINI Rocket Concept Car เรียกได้ว่าออกแบบใหม่ทุกสัดส่วน นอกจากนี้อาจรองรับระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าด้วย
ทั้งนี้ยังมีการเผยชื่อสำหรับจำหน่ายในโตโยต้าว่าจะเป็นชื่อ Toyota Starlet ซึ่งเป็นชื่อรถเล็กในยุคแรกๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Toyota Yaris ที่ทุกคนคุ้นเคยนั่นเอง และกำหนดการเปิดตัวนั้นได้ระบุว่าอาจได้เผยโฉมในปี 2018 หรือช้าสุดก็ภายในปี 2019 นี้
มินิ ประเทศไทย ร่วมกับผู้จำหน่ายรถยนต์ MINI อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แฟนๆ มินิได้สัมผัสยนตกรรมระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ทั้งรูปลักษณ์และความคล่องตัวอย่างใกล้ชิดที่งาน MINI NATIONAL ROAD SHOW ที่ผู้ร่วมงานได้สัมผัสมินิรุ่นใหม่ใอย่างใกล้ชิด อาทิ MINI Clubman โฉมใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นแรกในเซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม, MINI John Cooper Works (MINI JCW) โฉมใหม่ และมินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่ พร้อมร่วมทดสอบการขับขี่ที่สนุกสนานในสไตล์มินิและข้อเสนอสุดพิเศษ ตลอดเดือนพฤษภาคม
ในเวลานี้ MINI NATIONAL ROAD SHOW ได้เดินทางจัดแสดงรถใหม่ให้แฟนๆ ชาวระยองได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ที่เซ็นทรัล พลาซ่า ระยอง โดยได้จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ส่วนภูมิภาคอื่นประกอบไปด้วย วันที่ 12 – 15 พฤษภาคม ที่เซ็นทรัล พลาซ่า อุดรธานี และวันที่ 26 – 29 พฤษภาคม ที่เซ็นทรัล พลาซ่า สุราษฏร์ธานี
ค่ายรถยนต์ Hyundai ประกาศผลักดันแบรนด์รถยนต์หรู Genesis อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างฐานให้แน่นยิ่งขึ้นโดยล่าสุดได้เผยโฉมรถต้นแบบรุ่นใหม่กลางงานนิวยอร์ก ออโต้โชว์ 2016 ด้วยรถชื่อเดียวกับงาน Genesis New York Concept ที่สื่อหลายเจ้าต่างเผยเป็นเสียงเดียวว่านี่คือรถต้นแบบที่จะมาท้าชน BMW Series 3 โดยเฉพาะ ทำเอาสาวกค่ายฮุนไดต่างให้ความสนใจและเฝ้าตั้งตารอ
สำหรับรถยนต์ Genesis New York Concept ว่าที่รถซีดานต้นแบบ ด้วยการออกแบบในแนวทาง Athletic Elegance ที่ดึงความหรูหราออกมาได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับการออกแบบที่ดูสมส่วนกำลังดี ด้วยแรงบันดาลใจที่ผสมผสานกระบวนการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและความปราดเปรียวที่แสดงถึงความเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่มอบทั้งความหรูหรา, ความสปอร์ตเข้มข้น และความโดดเด่น
รูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์ Genesis New York Concept เป็นรถซีดานที่ออกแบบท้ายให้ลาดเหมือนคูเป้ มีสัดส่วนหน้ารถที่ยาวแต่ได้ออกแบบให้มีระยะฐานล้อที่กว้าง, กระจังหน้าที่มีความปราดเปรียวแต่คุงเอกลักษณ์งานออกแบบของฮุนได-เจเนซิส, ไฟหน้า LED ที่ออกแบบการวางตำแหน่งคล้ายเม็ด Pixel จนมีประกายที่สวยงาม, ช่องระบายอากาศล้อหน้ามีการตกแต่งลวงลายรังผึ้งด้วย
รถยนต์ Chevrolet Colorado Xtreme แสดงถึงความเป็นรถกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่ง โดดเด่นด้วยสกู๊ปดักลมบนฝากระโปรง บันไดข้าง, สปอร์ตบาร์, ซาฟารี บาร์, ยางออฟโรดเต็มรูปแบบขนาด 18 นิ้วที่เพิ่มรูปลักษณ์ที่พร้อมการลุยในเส้นทางที่ท้าทาย ที่สำคัญยังถ่ายทอดความพร้อมในการลุยสไตล์เอ็กซ์ตรีม ด้วยห้องโดยสารที่ประกอบไปด้วยมาตรวัดเสริม, มาตรวัดระดับความเอียง, มือจับฝั่งผู้โดยสารบนแดชบอร์ด, หน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่บรรจุระบบมายลิงค์รุ่นล่าสุดที่รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Apple CarPlay® และ Android Auto เป็นต้น
ขณะที่รถยนต์ Chevrolet Trailblazer Premier เป็นรถยนต์ SUV ที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัวที่ชื่นชอบการเดินทางบนเส้นทางแปลกใหม่ แต่ยังต้องการความสะดวกสบายและความหรูหรา ซึ่งในแง่ของสีสันและวัสดุ ได้เน้นย้ำความหรูหราด้วยการใช้โครเมียมโทนสีสว่างและวัสดุระดับพรีเมียมอย่างไม้ออสเตรเลียที่คัดสรรและผลิตด้วยมือ
ด้วยความใส่ใจสูงสุดต่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ภายในห้องโดยสารรถยนต์ Chevrolet Trailblazer Premier ได้รับการตกแต่งและประกอบด้วยคุณภาพเหนือระดับ การใช้สี วัสดุ และพื้นผิวที่มีความละเอียดและมีเอกลักษณ์สร้างความรู้สึกพรีเมียมในแบบที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยครั้งนักสำหรับเซกเมนท์นี้ เทคนิคและกระบวนการตกแต่ง อย่างการขลิบขอบผ้าแบบพิเศษ และการตัดเย็บตาข่ายด้านหลังเบาะที่นั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยมือช่วยเพิ่มบรรยากาศระดับพรีเมียมสุดพิเศษภายในห้องโดยสาร
นอกจาก Show vehicle ทั้งสองคัน ผู้เยี่ยมชมบูธ Chevrolet จะได้สัมผัสกับเชฟโรเลต แคปติวา โฉมใหม่ ซึ่งเป็นรถ SUV รุ่นแรกในประเทศไทยที่รองรับ Apple CarPlay® ผ่านระบบมายลิงค์แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว ใช้กราฟฟิกที่มีสีสันชัดเจน ไอคอนที่อ่านง่ายขึ้น และทำงานเร็วขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยผ่านการสั่งงานด้วยเสียงทั้งการโทรศัพท์และการส่งข้อความ
รถยนต์ เชฟโรเลต แคปติวายังเป็นรถรุ่นแรกของ Chevrolet ที่มาพร้อมระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) ระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น
ในงานมอเตอร์โชว์ Chevrolet ยังจัดแสดงรถยนต์ Chevrolet Trailblazer Urban Pack II (เทรลเบลเซอร์ เออร์แบน แพ็ค II) รถอเนกประสงค์ยอดนิยมที่ได้รับการถูกตกแต่งเพิ่มเติม เพิ่มความแข็งแกร่งในขณะเดียวกันยังคงรักษาภาพลักษณ์ความหรูหราของตัวรถไว้เช่นเดิม โดยการติดตั้งสปอยเลอร์บนหลังคาสีเดียวกับตัวรถ พลาสติกกันรอยที่กันชนหลัง อุปกรณ์ตกแต่งประตูข้างแบบโครเมียม ไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวันแบบแอลอีดี ล้ออัลลอยสีทูโทน และจอมอนิเตอร์แอลอีดีขนาด 10.1 นิ้วบนเพดานภายในห้องโดยสาร
Trailblazer Urban Pack II มีจำหน่ายในรุ่น 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ1 มีสามสีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Summit White สีดำ Black Sapphire และสีน้ำตาล Auburn Brown โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,512,000 บาท
นอกจากความอลังการของ Show vehicle และรถรุ่นใหม่ที่ Chevrolet นำมาจัดแสดง ผู้เยี่ยมชมบูธ Chevrolet และลูกค้าจะได้เพลินเพลินไปกับมุมอุปกรณ์ตกแต่งสำหรับรถเชฟโรเลตภายในงาน และโปรโมชั่นสุดพิเศษ โดยเฉพาะแคมเปญรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (trade-in program) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
ลูกค้าที่นำรถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มาแลกซื้อรถ Chevrolet จะได้รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินรถคันเก่า สำหรับเป็นส่วนลดแลกซื้อรถ Chevrolet คันใหม่มูลค่าสูงสุดถึง 50,000 บาท และรับส่วนลดเงินสดสูงสุดถึง 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยต่ำสุด 0.49 เปอร์เซ็นต์ และประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี
พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงานมอเตอร์โชว์หรือที่ศูนย์ผู้จัดจำหน่าย Chevrolet ทั่วประเทศระหว่างวันที่ 21 มีนาคมถึง 3 เมษายน และรับมอบรถภายในวันที่ 30 เมษายน จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมฟรีทุกค่าใช้จ่าย หรือเลือกรับส่วนลดเงินสดเพิ่มสูงสุด 10,000 บาท และรับกระเป๋าเดินทางสุดหรูของ Chevrolet มูลค่า 3,000 บาท
BMW Group ยังไม่ได้เปิดราคารถยนต์ออกมา แต่ว่าได้เดินหน้าโครงการ Vision Next 100 Year เผยโฉม 2 ยนตกรรมต้นแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่แสดงถึงวิสัยทัศน์นวัตกรรมจากอนาคต โดยได้เผยโฉมทั้ง Rolls-Royce Vision Next 100 Concept กับรถที่จะนำเสนอในวันนี้คือรถยนต์ Mini Vision Next 100 Concept รถยนต์ที่มอบความนุกและการแบ่งปันร่วมกัน
รถยนต์ Mini Vision Next 100 Concept มาพร้อมกับสโลแกนใหม่ “Every MINI is my MINI” ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการใช้งานรถที่แบ่งปันกัน (Car-Sharing) ในยุคอนาคตระหว่างลูกค้ากับผู้ใช้งาน มากกว่าที่จะเป็นการครอบครองเพียงคนเดียว นอกจากนี้ทั้งรูปลักษณ์และอ็อพชั่นสุดล้ำ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่รักความทันสมัย, การขับขี่รถยนต์ให้ขับขับสนุก และแสดงตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจน
เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกรถยนต์ที่ได้ผสมผสานระหว่างการดีไซน์ตัวรถอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Mini และความทันสมัยที่สามารถแสดงผ่านกระจกด้านล่างที่มาพร้อมกับไฟหน้า 2 วง, การแสดงผลลายกราฟฟิคดิจิตอลแบบเคลื่อนไหวผ่านตัวถังรถและหลังคาที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ตามผู้ขับขี่, ไฟท้ายแถบยาวสไตล์สปอร์ต, ล้ออัลลอยที่เสริมหลอดไฟ, ประตูบานสไลด์ รวมไปถึงไฟส่องพื้นพร้อมข้อความและภาพเคลื่อนไหวทั้งด้านหน้ารถและพื้นด้านข้างประตู
ทาง Mini ภูมิใจนำเสนอระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่ “Cooperizer” ที่เปรียบเสมือนเป็นระบบควบคุมรถ, สิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิง ประกอบไปด้วยแผงวงกลมทั้ง 4 แผ่นที่วางซ้อนกันซึ่งอ้างอิงจากระบบอินโฟเทนเมนต์อันเป็นเอกลักษณ์จากมินิ พร้อมแกนหมุนเพื่อปรับตำแหน่งของแผ่นวงกลมสำหรับการออกคำสั่งต่างๆ ซึ่งจะแสดงผลผ่านจอแสดงข้อมูลแถบยาวที่อยู่ด้านใน และปุ่มเดินระบบ Inspire Me
BMW Group ได้เผยโฉมทั้ง BMW Vision Next 100 Concept, Mini Vision Next 100 Concept, Rolls-Royce Vision Next 100 Concept แล้ว ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่ BMW Motorrad ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเผยโฉมในเร็วๆ นี้ ส่วนจะเป็นแบบใด มีนวัตกรรมอะไรเจ๋งๆ ก็รอชมกันได้เลย ว่าราคารถยนต์ใหม่นี้จะมีราคาอยู่เท่าใด
แม้ว่า Mini จะเป็นค่ายรถยนต์จากอังกฤษที่มีอายุยืนยาวเกินครึ่งศตวรรษ แต่ได้รับการก้าเข้าสู่เจเนอเรชั่นใหม่มาตั้งแต่ 2001 ที่ผ่านมาหลังจากที่ BMW ได้เข้าครองครองแบรนด์มินิตั้งแต่ปี 1994 พร้อมยกระดับการทำตลาดรถไซส์เล็กที่เปี่ยมไปด้วยความพรีเมี่ยมและความล้ำสมัยยิ่งขึ้น
สำหรับรถยนต์ Mini Cooper ได้เผยโฉมครั้งแรกในวันที่ 26 เมษายน ปีค.ศ. 2001 ซึ่งมาในรูปแบบของรุ่น Hatch 3 ประตูตัวถังสีแดง Chili Red พร้อมกับการตกแต่งด้วยสีขาวทั้งหลังคา, ฝาครอบกระจกมองข้างและแถบบนฝากระโปรงตัวรถ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา รถยนต์ Mini รุ่นนี้ สามารถทำยอดขายเกิน 2.5 ล้านคัน ในมากกว่า 110 ประเทศทั่วโลก
“ความท้าทายครั้งใหญ่ของบริษัทเราคือการผลิตรถทั้ง 1,00 คัน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ซ้ำใครในแต่ละวัน ทางผู้บริหารต้องขอขอบคุณพนักงานที่ร่วมกันรังสรรค์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมด้วยความรักและทักษะในการผลิต” Mr. Frank Bachmann ผู้จัดการโรงงานมินิใน Oxford กล่าวแสดงความยินดีในครั้งนี้
ทว่า เป้าหมายการยกระดับครั้งต่อไปของแบรนด์ BMW และ Mini นั่นคือการมอบความสะดวกสบายสำหรับการโดยสาร ด้วยการผลิตตัวรถที่ใหญ่ขึ้น อัดแน่นด้วยอ็อพชั่นและเทคโนโลยี และมีข่าวลือว่าอาจพัฒนาเป็นรูปแบบตัวถังคอมแพ็คซีดานอีกด้วย
BMW AG และ MINI เตรียมปรับปรุงโครงสร้างผลิตภัณฑ์ MINI ให้จำหน่ายเฉพาะรุ่นหลัก พร้อมกับปรับโฉมโลโก้ใหม่ที่เน้นความเรียบง่ายเหมือนแบรนด์ดังๆ มากขึ้น เพื่อการดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการสัมผัสความรถยนต์อเนกประสงค์บนความเรียบง่าย
เริ่มจากการปรับโฉมของ Logo ใหม่ที่ได้นำปรัชญาการออกแบบภาพกราฟิกยุคใหม่ Flat Design ที่เน้นความเรียบง่ายในทุกรายละเอียด แม้แวบแรกจะดูไม่แตกต่างมากนัก แต่หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่าเส้นสายต่างๆ จะเรียวเล็กลง เน้นสีน้อยไม่เน้นแสงเงา ตัดเส้นด้านในของวงกลมออกและลดความโค้งของปลายปีก โดยโลโก้ใหม่นี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่รถยนต์ Mini Clubman เจเนอเรชั่นใหม่เป็นต้นไป (จึงเป็นสาเหตุที่ Clubman ยังไม่เปิดจำหน่ายจริงในเวลานี้)
และอีกอย่างก็คือการปรับรุ่นรถยนต์ที่จะจำหน่ายจะเหลือเพียง 5 รุ่นเท่านั้นเพื่อให้ทุกรุ่นสามารถสร้างยอดขายและเอกลักษณ์เฉพาะได้เต็มที่ยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการยุติการผลิตและจำหน่าย Roadster และ Coupe ส่วนในอนาคตก็มีแผนจะยุติการผลิต Paceman เพิ่มด้วย นี่จึงเป็นข่าวล่าสุดของค่ายรถยนต์ MINI ซึ่งมีแผนที่จะปรับโครงสร้างครั้งใหม่ล่าสุดเพื่อใหตัวแบรนด์สามารถทำตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น